เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม สถาบันวิจัย HiEV ของประเทศจีน ได้ทำการเปิดเผยรายงานเกี่ยวกับการพัฒนาระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ใหม่ ที่พัฒนาโดย BYD ที่เรียกว่า DNP โดยที่รถยนต์คันแรกที่มี DNP จะเป็นรถซีดาน EV ระดับพรีเมียมของบริษัท ที่คาดว่าจะเป็น Han ที่มีกำหนดเปิดตัวในไตรมาสที่สี่ของปี 2023 นี้
[adsforwp id=”1302″]
![]()
เรียกได้ว่าเป็นบริษัทที่มีกราฟที่พู่งขึ้นตลอดเวลาสำหรับ BYD หลังจากที่เริ่มต้นด้วยการเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ ขยับมาเป็นเป็นผู้ผลิตรถยนต์ และตอนนี้ก็ได้กลายเป็นขาใหญ่ในแวดวงยานยนต์ของจีนไปแล้ว และได้กลายเป็นผู้ท้าชิงเจ้าตลาดรถยนต์ EV กับเจ้าตลาดอย่าง Teslaทั้งในประเทศจีนและในตลาดสากล
[adsforwp id=”1302″]
![]()
ถึงแม้ว่าจะเป็นคู่แข่งโดยตรง แต่ BYD ยังคงมีจุดอ่อนในเรื่องของซอฟต์แวร์ รวมไปถึงการทำงานของระบบช่วยเหลือต่างๆ ที่ยังคงตามหลัง Tesla อยู่ประมาณหนึ่ง Tesla นำเสนอเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยตนเองสองประเภท ได้แก่ Full Self Driving (FSD) และ Autopilot โดยที่ FSD จะเป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบในอนาคต โดยมุ่งเป้าไปที่การจราจรในเมือง ซึ่งในอยู่ในขั้นตอนการทดสอบการใช้งาน ส่วน Autopilot นั้นสามารถใช้งานได้จริงแล้วในบางพื้นที่ รวมถึงประเทศไทย
![]()
ตามรายงาน DNP ของ BYD จะมุ่งเน้นไปที่การขับขี่บนทางหลวง ซึ่งบ่งชี้ว่ามันจะแข่งขันกับ Autopilot โดยตรง ซึ่งก็ยังมีผู้ผลิตจากจีนอย่าง Xpeng ซึ่งใช้แนวทางเดียวกันกับ Tesla ในการพัฒนาระบบ XNGP ADAS สำหรับการขับขี่บนทางหลวง เมื่อเร็วๆ นี้ Xpeng ยังได้เปิดตัว NGP (Navigation Guided Pilot) ที่ทันสมัยที่สุดสำหรับการขับขี่ในเมืองและบนทางหลวง ซึ่งน่าจะแข่งขันกับ FSD ของ Tesla ได้
![]()
โดยที่ผลิตภัณฑ์ของ BYD ที่คาดว่าจะได้รับระบบ DNP ที่ว่านี้ จะอยู่ใน Dynasty Series ซึ่งประกอบไปด้วย Tang, Song และ Han โดยคาดว่าโมเดลแรกที่จะติดตั้งระบบใหม่นี้คือ Han ที่กำลังจะมีการเปิดตัวโมเดลใหม่ในช่วงปลายปี 2023 นี้ และมีแนวโน้มว่า แบรนด์ย่อยของ BYD อย่าง Denza และ Yangwang รวมไปถึง F ที่ลึกลับซึ่งยังไม่เปิดตัวจะมีระบบ DNP ในอนาคต
![]()
จากข้อมูลที่เราได้มานั้น ระบบ DNP จะทำงานโดยมีหัวใจหลักคือชิบ Journey 5 ที่ทางบริษัทร่วมมือกับ Horizon Robotics ในการพัฒนา โดยมีการใช้งานเซนเซอร์11V5R ที่มีความแม่นยำสูง โดยทำงานร่วมกับตัวควบคุม JueFX ที่พัฒนาโดย Neusoft Reach นอกจากนี้ BYD ยังร่วมมือกับ Nvidia เกี่ยวกับเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ และจะใช้ Nvidia DRIVE Orin SoC ในรถยนต์ของพวกเขาในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก carnewschina.com
[adsforwp id=”1302″]
