Chery เปิดตัว iCar Super V23 อย่างเป็นทางการแล้วที่จีน มีให้เลือกด้วยกัน 5 รุ่นย่อย วางราคาตั้งแต่ 122,800 – 174,800 หยวน (หรือประมาณราว ๆ 5.4 – 7.7 แสนบาท) รถรุ่นนี้เป็นรถ SUV ยกสูงแนวออฟโรดสายลุยขนาดกะทัดรัดที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน100% ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลังมากขึ้น ให้ระยะเดินทางวิ่งสูงสุดอยู่ที่ 550 กิโลเมตร
โปสเตอร์บันทึกสถิติโลกกินเนสส์
ลุยพื้นทรายให้โลกจำ!!
คือ iCar Super V23 คันนี้ถือครองสถิติโลกกินเนสส์สำหรับการขึ้นเนินทรายสูงกว่า 400 เมตร ที่เร็วที่สุดสำหรับรถยนต์ EV สายลุยนี้กว่าคู่แข่งในตลาด โดยใช้เวลาเพียง 2:38.34 นาทีเท่านั้น
iCar Super V23 สีเหลือง
ลูกค้าสามารถเลือกสีภายนอกได้ 9 สี ได้แก่ สีม่วง สีเหลือง สีส้ม สีเงิน สีขาว สีดำ สีเทา สีน้ำเงิน และสีเขียว
มุมมองด้านหน้าและด้านหลัง
การออกแบบภายนอก!!
ภายนอกยังคงใช้รูปทรงคล้ายกล่องสี่เหลี่ยมสไตล์ย้อนยุคเช่นเดียวกับ iCar V23 ในรุ่นมาตรฐาน แต่คันนี้เพิ่มโลโก้ “S” สีแดงสุดพิเศษบนตัวรถ เช่น บนกระจังหน้า บังโคลนหน้า และมุมล่างซ้ายของฝาท้าย
มือจับประตูแบบกึ่งซ่อน และล้ออัลลอย 5 ก้านขนาด 21 นิ้ว พร้อมยาง 265/45 R21 ขนาดตัวถังยังคงเดิมที่ 4,220/1,915/1,845 มม. (ยาว/กว้าง/สูง) พร้อมฐานล้อ 2,735 มม. น้ำหนักบรรทุกอยู่ที่ 1,735 กก. ถึง 1,960 กก.
iCar Super V23 ขับขี่บนสนามหญ้าและพื้นหิน
สามารถลุยน้ำลึกได้สูงสุด 600 มิลลิเมตร
iCar Super V23 มีให้เลือก 2 ระบบขับเคลื่อน !!
คือ ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) ความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม.
- ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (RWD): มอเตอร์ไฟฟ้า 185 กิโลวัตต์/300 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต 59.93 kWh และ 80.16 kWh จาก CATL วิ่งได้ระยะทาง 401 กม. และ 550 กม. ตามมาตรฐาน CLTC
- ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD): มอเตอร์ด้านหน้าเสริมกำลัง 150 กิโลวัตต์/190 นิวตันเมตร ให้กำลังสูงสุด 335 กิโลวัตต์ (449 แรงม้า) แรงบิด 490 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.5 วินาที แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต 80.16 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุดอยู่ที่ 501 กม. ตามมาตรฐาน CLTC
การออกแบบภายใน!!
ภายในยังคงรักษาแผงหน้าปัด LCD ขนาด 8.88 นิ้ว และหน้าจอควบคุมกลางขนาด 15.4 นิ้ว ความละเอียด 2.5K ไว้ ขับเคลื่อนด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8155 ทุกรุ่นสามารถรองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ CarPlay, HiCar และ CarLink
ในขณะเดียวกันฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ มีเพิ่มเติม ซึ่งได้แก่ วงแหวนสีแดง โลโก้ “S” สีแดง และปุ่ม Boost บนพวงมาลัยเพื่อเพิ่มกำลังขับ เพื่อสร้างความแตกต่างจากรุ่นมาตรฐาน
นอกจากนี้ ยังมีเซ็นเซอร์อีก 22 ตัว (เรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว เรดาร์คลื่นมิลลิเมตร 5 ตัว และกล้อง 5 ตัว) ติดตั้งอยู่ภายในรถแบบครบครันเพื่อรองรับระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง Falcon 500 ถือว่าเป็นรถไฟฟ้าสายลุยที่น่าสนใจไม่น้อยในราคาที่จับต้องได้
ที่มา: carnewschina.com