Denza แบรนด์ระดับพรีเมียมของ BYD ได้เปิดตัว Denza N9 ปี 2026 อย่างเป็นทางการเมื่อค่ำวันที่ 17 กันยายน 2025 โดยมีให้เลือก 3 รุ่นย่อย วางราคาอย่างเป็นทางการอยู่ระหว่าง 389,800 – 449,800 หยวน (หรือประมาณราวๆ 1.7 – 2.0 ล้านบาท) ซึ่งรถรุ่นใหม่นี้จะมาพร้อมสีภายนอกเป็นสีเขียว-เงิน ที่มาพร้อมการออกแบบดีไซน์ตัวถังแบบทูโทนคล้ายกับสีเดิมก่อนหน้าและได้มีการเพิ่มใหม่เข้ามาคือ สีม่วง-ทอง
ขุมพลังขับเคลื่อน!!
Denza N9 เป็นรถ SUV ปลั๊กอินไฮบริดขนาดใหญ่ โดดเด่นด้วยฟังก์ชันคุณสมบัติต่างๆ ได้แก่ สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ระยะอยู่ที่ 202 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน (CLTC) และระยะทางวิ่งรวมเมื่อชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง + น้ำมันเต็มถังจะวิ่งได้ระยะทางรวม 1,302 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน (CLTC) ตัวรถมีการติดตั้งระบบกันสะเทือนถุงลมแบบคู่ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ “God’s Eye B” และระบบควบคุมตัวถังถุงลมอัจฉริยะ “DiSus-A” ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ด้วยกัน
Denza N9 ปี 2026 มีการปรับปรุงใหม่ทุกปี โดยยังคงรักษาดีไซน์โดยรวมของรุ่นปัจจุบันไว้ด้วยสไตล์ครอบครัว ขนาดใหญ่ โดยรุ่นใหม่มีขนาดของรถอยู่ที่ 5,258/2,030/1,830 มิลลิเมตร (ยาว/กว้าง/สูง) และฐานล้อ 3,125 มิลลิเมตร
การออกแบบภายใน!!
ภายในของ Denza N9 ปี 2026 มาพร้อมโทนสีภายในใหม่ “Golden Mountain Brown” ภายในจะมีแผงหน้าปัด LCD ขนาด 13.2 นิ้ว ความละเอียด 2.5K หน้าจอควบคุมกลางขนาด 17.3 นิ้ว ความละเอียด 2.5K และหน้าจอผู้โดยสารด้านหน้าขนาด 13.2 นิ้ว ความละเอียด 2.5K ฟีเจอร์พรีเมียมเพิ่มเติม ได้แก่ จอแสดงผล AR-HUD ขนาด 50 นิ้ว ระบบเสียง Devialet พร้อมลำโพง 26 ตำแหน่ง และเทคโนโลยี DiLink 150 cockpit มีสีภายในให้เลือก ได้แก่สี Platinum Grey และ Cloud Brocade Rice
การจัดวางเบาะนั่งเป็นแบบ 2+2+2 นั่งได้ 6 ที่นั่ง ผู้โดยสารด้านหน้าจะได้สัมผัสที่นั่งแบบ “ควีนไซส์” ปรับได้อย่างอิสระ ทั้งเบาะนั่งแถวหน้าและแถวสองมีระบบอุ่นมาให้อีกด้วย พร้อมด้วยระบบระบายอากาศ และระบบนวด เบาะนั่งแถว 2 สามารถปรับเลื่อนในแนวนอนได้ พร้อมโต๊ะวางของขนาดเล็ก 2 แผง แท่นชาร์จไร้สาย 50 วัตต์ 2 ชุด หน้าจอขนาด 17.3 นิ้ว ติดบนเพดาน และมีตู้เย็นในรถมาให้ เบาะนั่งแถว 3 มีระบบปรับไฟฟ้าและระบบอุ่น อีกด้วย
สำหรับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Denza N9 มาพร้อมระบบ “God’s Eye B” ซึ่งเป็นระบบช่วยเหลือในการนำทางในเมืองแบบไร้แผนที่แบบครบวงจร ฮาร์ดแวร์ประกอบด้วย LiDAR หนึ่งตัว, เรดาร์คลื่นมิลลิเมตรห้าตัวที่ครอบคลุมการตรวจจับด้านหน้าและด้านหลัง, กล้อง 12 ตัว และเรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว ระบบประมวลผลช่วยเหลือการขับขี่ขับเคลื่อนด้วยชิป Orin X ของ Nvidia ที่มีพลังประมวลผล 254 TOPS
สมรรถนะการขับเคลื่อน!!มาพร้อมระบบไฮบริดแบบปลั๊กอิน ซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 2.0T ที่มีประสิทธิภาพเชิงความร้อน 44.13% ให้กำลังสูงสุด 207 แรงม้า มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ให้กำลังรวม 680 กิโลวัตต์ (912 แรงม้า) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.9 วินาที
Denza N9 ปี 2026 ยังผสานรวมเทคโนโลยี e3 และระบบ “DiSus-A” ซึ่งประกอบด้วยระบบขับเคลื่อนอิสระสามมอเตอร์ ระบบบังคับเลี้ยวอิสระมอเตอร์คู่ล้อหลัง (±20°) ระบบควบคุมการเคลื่อนที่ของรถแบบ VMC และการผสานรวมแบตเตอรี่ไฮบริด CTB เข้ากับตัวถัง เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้สามารถควบคุมรถได้อย่างคล่องตัวด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 4.65 เมตร เลี้ยวแบบเข็มทิศ ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ระบบควบคุมเสถียรภาพบนพื้นผิวที่มีแรงเสียดทานต่ำ ระบบควบคุมเสถียรภาพเมื่อยางเกิดการระเบิดเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง การเดินรถแบบปูอัจฉริยะที่มุม 15° และความสามารถในการควบคุมรถขณะฝนตกและพื้นที่หิมะ ได้อย่างมีดีเยี่ยม
ที่มา: carnewschina.com