นับตั้งแต่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 1994 กับผลิตภัณฑ์ในรูปแบบ Mid-size crossover ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในตลาดระดับสากล ล่าสุดในปี 2023 Outback มีการขยับตัวครั้งใหม่ที่เข้าใกล้ความเป็น SUV ไปอีกขั้น ด้วยการอัพเดทตัวรถและเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าเดิม
[adsforwp id=”1302″]
![]()
สำหรับการอัพเดทของ 2023 New Subaru Outback นั้นจะมีการดีไซน์ส่วนหน้าใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรอบพลาสติกที่ดูเหมือนจะผสมความลงตัวเข้ากับไฟหน้า ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับที่ใช้เป็นงานออกแบบหลักบน Subaru Solterra รถยนต์ BEV คันล่าสุดของค่าย กันชนหน้ายังได้รับการปรับรูปทรงใหม่กระจังหน้าที่ดูใหญ่ขึ้นและชิ้นส่วนไอดีล่างที่ดูหนาขึ้น ลักษณะขอบซุ้มล้อ ซึ่งเปลี่ยนจากการออกแบบ fender flare ไปเป็น funkier design ที่เพิ่มลูกเล่นให้กับตัวรถ เช่นเดียวกับการพยายามลบเหลี่ยมมุมของตัวรถ ทำให้ตัวรถดูจะปราดเปรียวขึ้นกว่าเดิม
![]()
สิ่งที่เรียกว่าเป็นข้อดีของรถ Subaru นอกเหนือจากงานออกแบบที่ดูแหวกแนว ก็คือมาตรฐานด้านความปลอดภัย Outback ก็ปรับปรุงในส่วนนี้ด้วยขอบเขตการมองเห็นที่กว้างขึ้น มีการอัพเดทระบบ EyeSight มาตรฐาน ด้วยการติดตั้งกล้องมองภาพแบบ 3 มิติ ที่จะตรวจจับระยะชัดลึกและวัตถุที่อยู่ข้างหน้า และเป็นตัวช่วยสำคัญของระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบตรวจจับวัตถุ และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ รวมไปถึงความสามารถในการช่วยหาที่จอด โดยทางผู้ผลิตได้มีการอัพเกรดระบบซอฟแวร์ใหม่เพื่อให้ทำงานร่วมกับกล้องใหม่เพื่อการทำงานที่ราบรื่นยิ่งขึ้น
![]()
นอกจากนี้ยังมีการเสริมมิติใหม่ให้กับระบบอิเล็กทรอนิกส์ อย่างเช่นระบบตรวจสอบจุดอับสายตา ที่จะมีการทำงานร่วมกับคุณสมบัติการบังคับเลี้ยวฉุกเฉินอัตโนมัติ ที่สามารถทำให้อินพุตพวงมาลัยแบบหลบเลี่ยงควบคู่ไปกับการใช้เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ โดยระบบนี้จะสามารถทำงานได้บนความเร็วไม่เกิน 50 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวรถเป็นหลัก
[adsforwp id=”1302″]
![]()
การเปลี่ยนแปลงภายในห้องโดยสารมีเพียงเล็กน้อย โดยจะมีการอัพเกรดระบบ Infotainment System รุ่นใหม่อย่าง Starlink รุ่นล่าสุด ที่มีความสามารถในการเข้ากันกับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย โดยที่ส่วนอื่นๆ จะยังคงเหมือนกับรุ่นปัจจุบัน ซึ่งมันยอดเยี่ยมอยู่แล้ว
![]()
ในส่วนของเครื่องยนต์นั้น 2023 New Subaru Outback จะเริ่มต้นที่รุ่น XT ด้วยขุมกำลัง 2.5 ลิตรที่ให้กำลังสูงสุด 182 แรงม้า (HP) ขยับมาที่ Wilderness ที่จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตรเทอร์โบ แบบ 4 ลูกสูบเรียง และทุกรุ่นจะใช้งานระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ CVT และระบบขับเคลื่อน AWD เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
![]()
รายละเอียดเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของราคาและกำหนดการในการเปิดตัวนั้น คาดว่าจะมีการเปิดตัวในช่วงเดือนกันยายนหรือตุลาคมที่จะถึงนี้ โดยจะมีการเปิดตัวในยุโรปและอเมริกาก่อน ส่วนประเทศไทยนั้นคาดว่าราวๆ ต้นปี 2023 น่าจะมีการเปิดตัวและพร้อมจำหน่ายในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2023 เป็นอย่างช้า หากมีข้อมูลใหม่เพิ่มเติม เราจะนำมาเสนอในโอกาสต่อไป
Credit : www.motortrend.com
[adsforwp id=”1302″]
