หลังจากปล่อยภาพตัวจริงจากรถแนวคิด ภาพถ่ายจากการทดสอบ และภาพสิทธิบัตรของโมเดลใหม่ล่าสุดของแผนก M จากแบรนด์สัญชาติเยอรมัน BMW ในที่สุดทางค้นสังกัดก็ได้ปล่อยข้อมูลอย่างเป็นทางการของ 2023 BMW XM รถยนต์ SUV ประสิทธิภาพสูงออกมาเสียที จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้างไปติดตามกันเลยครับ
[adsforwp id=”1302″]
![]()
2023 BMW XM จัดว่าเป็นรถยนต์ SUV ประสิทธิภาพสูงคันแรกที่พัฒนาโดยแผนก M Performance ของทางบริษัท อีกทั้งยังเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการจำหน่ายจริงคันแรกของรหัส M ที่มีการเสริมกำลังเครื่องยนต์ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่แบบ PHEV
![]()
ตัวรถจะมาพร้อมกับขุมกำลังใหม่ V8 Twin-Turbo ขนาด 4.4 ลิตร ที่สร้างกำลังสูงสุด 483 แรงม้า พร้อมกับแรงบิด 650 นิวตันเมตร โดยมีมอเตอร์ขับกำลังไฟฟ้า 1 ตัว ที่ให้กำลัง 194 แรงม้า (HP) ผสมทั้งสองผ่านชุดคลัตช์เปียกในชุดเกียร์ ทำให้ได้กำลังสูงสุดรวม 644 แรงม้า (HP) ที่ 5,400 รอบต่อนาที ควบคู่กับแรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตรที่ 1,600-5,000 รอบต่อนาที โดยตัวรถจะมีคุณสมบัติในการเร่งความเร็วจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ในเวลา 4.1 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 155 ไมล์ต่อชั่วโมง (250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) โดยมีชุดควบคุมขีดจำกัดความเร็วควบคุมการทำงานอีกที ในขณะที่ตัวเลือกระบบขับเคลื่อนแบบ M Driver’s Package จะเพิ่มขีดจำกัดความเร็วเป็น 168 ไมล์ต่อชั่วโมง (270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
[adsforwp id=”1302″]
![]()
ในขณะที่แบตเตอรี่จะมีขนาด 25.4 kWh จะใช้เวลาบนเครื่องชาร์จกำลังไฟ 7.4 kW ใช้เวลา 3.25 ชั่วโมง ในการชาร์จจาก 0-100% และสามารถวิ่งด้วยกำลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ได้ระยะ 30 ไมล์ (50 กิโลเมตร) ซึ่งน้อยมากหากเทียบกับรถยนต์ PHEV รุ่นอื่นๆ อีกทั้งตัวรถเมื่อวิ่งด้วยกำลังไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว จะถูกอั้นไว้ที่ 87 ไมล์ต่อชั่วโมง (140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เท่านั้น โดยปัจจัยที่ทำให้การวิ่งด้วยกำลังไฟฟ้ามีระยะทางที่ไม่มากและถูกจำกัดความเร็วไว้ น่าจะเกิดจากน้ำหนักตัวของเจ้า XM ที่มีมากถึง 2,750 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่า BMW M3 E30 เกือบ 2.4 เท่าตัว
![]()
ด้วยความที่ตัวรถถูกห้อยท้ายด้วยรหัส M ตัวรถจึงเน้นที่ประสิทธิภาพในการขับขี่ขั้นสูง โดยทางผู้ผลิตได้กล่าวว่า BMW XM คันนี้มีขั้นตอนในการเปลี่ยนเกียร์ที่ซับซ้อน โดยการเปลี่ยนเกียร์แต่ล่ะขั้น การใส่เกียร์ระหว่างโรเตอร์ของมอเตอร์ไฟฟ้าและเพลาอินพุตของเกียร์อัตโนมัติจะขยายเอาท์พุตจริงของมอเตอร์จาก 281 นิวตันเมตรเป็น 450 นิวตันเมตร ทำให้ไม่เพียงแต่เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังสร้างกำลังและแรงบิดที่ต่อเนื่องแบบไม่อมรอบ อีกทั้งการกระจายน้ำหนักและจุดศูนย์ถ่วงต่ำด้วยการวางตำแหน่งของชุดแบตเตอรี่ ทำให้ XM ผสมผสานประสิทธิภาพและความสะดวกสบายได้อย่างลงตัว
![]()
ตัวรถทุกรุ่นจะมีระบบขับเคลื่อนทุกล้อ และมีความสามารถในการแยกแรงบิดสามารถเอียงไปทางด้านหลังได้เมื่อใช้งาน 4WD Sport และเฟืองท้าย M sport สามารถเปลี่ยนกำลังไปยังล้อด้านนอกเพื่อช่วยเลี้ยวบนพื้นผิวที่ไม่เรียบได้อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวแบบแอ็คทีฟของเหล็กกันโคลงที่ควบคุมด้วยไฟฟ้าก็เป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจมาตรฐานเช่นกัน และ XM เป็นรถยนต์ M เต็มรูปแบบคันแรกที่มาพร้อมกับพวงมาลัยแบบ Rear-Axle Steering
![]()
ในส่วนของอุปกรณ์บนตัวรถนั้นจะมาพร้อมกับขอบล้อขนาด 23 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยผู้ซื้อสามารถเลือกขอบล้อที่เล็กกว่าได้ โดยสามารถเลือกได้ทั้งขนาด 21 หรือ 22 นิ้ว เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานของผู้บริโภค ไม่เพียงเท่านั้นตัวรถยังมาพร้อมกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่มีไฟส่องสว่างแบบ LED Massive Llluminated ท่อไอเสียแบบเรียงซ้อนในแนวตั้ง ไฟท้ายจะไม่หรูหราเท่าชุดบูมเมอแรงที่ติดตั้งกับรถแนวคิด แต่แถบไฟในแนวทแยงที่ส่วนด้านข้างที่อ้างอิงโลโก้แถบสามแถบของ BMW M ก็ดูดีไม่ใช่เล่น
![]()
ภายในเป็นการผสมผสานระหว่างความใหม่และความคุ้นเคย โดยผสมความหรูหราของรถสไตล์ Luxury และองค์ประกอบการใช้งานแบบ SUV หน้าจอแดชบอร์ดพื้นฐานและเลย์เอาต์คอนโซลไม่แตกต่างไปจากที่เราเคยเห็นบนผลิตภัณฑ์ BMW มีระบบปฏิบัติการ iDrive 8 ใหม่ซึ่งซ่อนอยู่ภายในชุดมาตรวัดดิจิตอลและหน้าจอสัมผัส และยังคงมีชุดเกียร์อัตโนมัติแบบมาตรฐานที่เราคุ้นเคย ชุดบุแผงประตูและห้องโดยสาร จะมีตัวเลือกหนังแท้สี Vintage Coffee Merino และตัวเลือกสีเบาะนั่งระหว่าง Silverstone หรือ Deep Lagoon
![]()
สำหรับราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ 2023 BMW AM จะอยู่ที่ 159,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 6.08 ล้านบาท โดยจะใช้โรงงาน Spartanburg ใน North Carolina สหรัฐอเมริกาเป็นฐานการผลิตหลัก โดยจะเริ่มสายการผลิตในช่วงปลายปี 2022 นี้ และทางผู้ผลิตจะเปิดให้ทำการสั่งจองล่วงหน้าในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้
Credit : www.carscoops.com
[adsforwp id=”1302″]
