เมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา ทาง SAIC Motor ได้เปิดตัว MG4 รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการแล้ว ในตลาดประเทศจีน โดยรถคันนี้เป็นรถยนต์แฮทช์แบ็กไฟฟ้าล้วน100% ขนาดกะทัดรัดที่ได้รับการอัปเกรดอย่างลงตัวทุกมิติ มีราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 73,800 หยวน (หรือประมาณราวๆ 3.3 แสนบาท) มีให้เลือก 4 รุ่นย่อยด้วยกัน และในรุ่นท็อปที่ใช้แบตเตอรี่กึ่งโซลิดสเตต จะประกาศราคาอีกครั้งในช่วงเดือนกันยายน และพร้อมส่งมอบก่อนสิ้นปีนี้
รุ่น และราคาจำหน่ายล่วงหน้า (PreOrder) ของ MG4 !!
- Comfort (วิ่งได้ 437 กม.) ราคาประมาณราวๆ 3.3 แสนบาท
- Ease (วิ่งได้ 437 กม.) ราคาประมาณราวๆ 3.6 แสนบาท
- Freedom (วิ่งได้ 437 กม.) ราคาประมาณราวๆ 4.0 แสนบาท
- Smart (วิ่งได้ 530 กม.) ราคาประมาณราวๆ 4.7 แสนบาท
**รุ่นแบตเตอรี่แบบกึ่งโซลิดสเตต ราคาจะประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในเดือนกันยายนนี้**
งานนี้จัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมและนิทรรศการแกรนด์หางโจวประเทศจีน
สำหรับแบตเตอรี่กึ่งโซลิดสเตตก่อนหน้านี้ได้นำไปใช้กับผลิตของ MG จำนวนมาก!!
MG4 เป็นผลิตที่โดดเด่นสร้างยอดขายได้เป็นจำนวนมากในฐานะที่เป็นหนึ่งในรถยนต์รุ่นแรกๆ ของโลกที่ได้ใช้แบตเตอรี่กึ่งโซลิดสเตต ทาง SAIC รายงานว่าแบตเตอรี่นี้ได้ผ่านการทดสอบการเจาะทะลุแบบสามทิศทางโดยไม่เกิดควัน และแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในสภาวะอุณหภูมิต่ำ ซึ่งนวัตกรรมนี้มุ่งเป้าไปที่การเพิ่มความปลอดภัยและเพิ่มอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ เป็นทางเลือกที่ดีให้กับผู้บริโภคในกลุ่มรถยนต์ขนาดเล็กที่เน้นราคาประหยัด
แบตเตอรี่ผ่านการทดสอบเข็ม 3 ทิศทางโดยไม่มีควัน ทำให้ประสิทธิภาพความเย็นดีขึ้น
เงินลงทุนมหาศาล!!
SAIC ได้ลงทุนเงินประมาณ 500 ล้านหยวน (หรือประมาณราวๆ 2.2 พันล้านบาท) เพื่อพัฒนาโลหะผสมอะลูมิเนียม-แร่ธาตุหายากสำหรับใช้เป็นโครงสร้างของแบตเตอรี่ โดยผสมแลนทานัมและซีเรียมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและมีประสิทธภาพทนความร้อนได้เป็นอย่างดี
ระบบการเชื่อมต่อภายในรถ!!
การเชื่อมต่อขั้นสูงด้วย Qualcomm Snapdragon 8155 และ Oppo ภายใน MG4 ที่มาพร้อมหน้าจอสัมผัสแบบลอยตัวขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด 2.5K ขับเคลื่อนด้วยชิป Snapdragon 8155 ของ Qualcomm MG4 มาพร้อมระบบ MG×Oppo Smart Mobility System ที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์กับรถยนต์ได้อย่างราบรื่น พร้อมฟังก์ชันกุญแจดิจิทัล มาพร้อมระบบคำสั่งเสียง AI การมิเรอร์แอป และความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ทุกระบบ ทั้ง Android, Apple, Huawei, Xiaomi และแบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำอื่นๆ การอัปเดตผ่านระบบไร้สาย (OTA) จะปลดล็อกฟีเจอร์ต่างๆ เช่น ระบบช่วยจอดรถระยะไกลผ่านโทรศัพท์ และระบบนำทางจากการเดินไปยังการขับขี่ที่ราบรื่น เป็นต้น
Oppo Smart Mobility ช่วยให้สามารถบูรณาการโทรศัพท์กับรถยนต์ได้ด้วยกุญแจดิจิทัล เสียง AI มิเรอร์แอป และความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ที่หลากหลาย
สมรรถนะ ระยะทาง และการชาร์จ!!
MG4 มาพร้อมกับมอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร ให้พละกำลัง 120 กิโลวัตต์ แรงบิดอยู่ที่ 250 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง
มีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต 2 แบบให้เลือก
- รุ่นระยะทาง 437 กิโลเมตร ตามมาตราฐาน CLTC (แบตเตอรี่ความจุ 42.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง)
- รุ่นระยะทาง 530 กิโลเมตร ตามมาตราฐาน CLTC (แบตเตอรี่ความจุ 53.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง)
ระบบการชาร์จจาก 30% – 80% ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ขณะที่รถยนต์รักษาอัตราการใช้พลังงานไว้ที่ 10.4 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อ 100 กิโลเมตร ระบบจัดการความร้อนที่ใช้ปั๊มความร้อนของรถยนต์ช่วยรักษาระยะทางได้สูงสุด 75% หลังจากอุ่นเครื่องที่อุณหภูมิ -7°C
**คาดว่ารายละเอียดของแบตเตอรี่แบบกึ่งโซลิดสเตตจะเปิดเผยในการเปิดตัวในเดือนกันยายน
ระบบปั๊มความร้อนช่วยให้คงอุณหภูมิได้ 75% หลังจากอุ่นล่วงหน้าที่อุณหภูมิ -7°C
ขนาดและดีไซน์ภายนอกที่ปรับปรุงใหม่!!
MG4 ใหม่มีความยาว 4,395 มิลลิเมตร กว้าง 1,842 มิลลิเมตร และสูง 1,551 มิลลิเมตร พร้อมฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า การปรับปรุงภายนอกประกอบด้วยโลโก้ MG ดีไซน์ใหม่พร้อมไฟ LED ด้านหลัง ไฟท้าย LED รูปลูกศร และสีที่มีให้เลือก 6 สี เช่น สีม่วง Donglai Purple และสีแดง Coral Red ล้อมีให้เลือกตั้งแต่ 16 ถึง 17 นิ้ว
MG4 มีขนาด 4,395×1,842×1,551 มม. และมีฐานล้อ 2,750 มม. ซึ่งใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้า
ยกระดับความปลอดภัยของโครงสร้างและความสบายภายในรถ!!
MG ใช้เทคโนโลยีการรวมแบตเตอรี่แบบเซลล์ต่อตัวถัง (CTB) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่ภายในและความแข็งแกร่งของตัวรถ MG4 มีค่าความแข็งกระด้างบิดตัวสูงถึง 31,000 นิวตันเมตร/องศา ซึ่งสูงกว่ารถ SUV หรูบางรุ่นเสียอีก โดยทาง MG อ้างว่าระบบแบตเตอรี่เป็นไปตามมาตรฐานการกันน้ำ IP67 และ IP69K และผ่านการทดสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด SAIC ยังรับประกันระบบส่งกำลังตลอดอายุการใช้งานอีกด้วยซึ่งสิ่งนี้เป็นจุดแข็งอย่างมากของทางค่าย MG
แบตเตอรี่ตรงตามมาตรฐาน IP67/IP69K ระบบส่งกำลังมีการรับประกันตลอดอายุการใช้งาน
ห้องโดยสารหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์เกรดเด็กอ่อนที่ได้มาตรฐาน EU Reach พร้อมช่องเก็บของ 30 ช่อง และมีสีม่วงโรเซ่และน้ำเงินเข้มให้ลูกค้าเลือก เบาะนั่งคู่หน้ามีพนักพิงหลังแบบผสานรวมพร้อมระบบทำความร้อนและระบายอากาศ ขณะที่เบาะหลังปรับเอนได้สูงสุด 27 °C ซันรูฟแบบพาโนรามาพร้อมม่านบังแดดไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
คุณสมบัติด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบาย!!
MG4 รองรับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงและคุณสมบัติความสะดวกสบายต่างๆ ได้แก่
– ระบบช่วยมองเห็นฝนตกและจุดบอดตอนกลางคืน (รองรับ OTA)
– กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา พร้อมมุมมองตัวถังแบบโปร่งใส
– ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติระยะไกลพร้อมฟังก์ชันการเข้า-ออก
– กระจกหลังแบบ Privacy Glass พร้อมระบบกันแสงที่ดีขึ้น
– พวงมาลัยแบบปรับอุณหภูมิได้
– มีกระจกแต่งหน้ามาให้อีกด้วย
MG4 ใช้การรวมแบตเตอรี่ CTB ช่วยเพิ่มพื้นที่และความแข็งแกร่งด้วยแรงบิด 31,000 นิวตันเมตร/องศา
พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถกว้างถึง 471 ลิตร และห้องเก็บสัมภาระท้ายรถกว้างถึง 98 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลง จะเพิ่มพื้นสามารถนอนได้กว้างถึง 1.87 ตารางเมตร ขนาดภายในเทียบเท่ารถยนต์ขนาดไซน์กลาง ด้วยที่พักเท้าผู้โดยสารด้านหน้าที่ปรับเอนได้ถึง 46.4 °C และความยาวฐานเบาะอยู่ที่ 503 มิลลิเมตร
ที่มา: carnewschina.com