หลังจากเปิดตัวมาตั้งแต่ต้นปี 2023 ที่ผ่านมา สำหรับ Toyota Grand Highlander รถยนต์เอสยูวี 8 ที่นั่ง ที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลามในตลาดอเมริกา ด้วยความที่ตัวรถนั้นมุ่งเน้นไปที่กำใช้งานในเมืองกับครอบครัวขนาดใหญ่ ที่เข้ากับรูปแบบของการใช้ชีวิตของคนอเมริกัน ทำให้มียอดในการสั่งจองล่วงหน้าเป็นจำนวนมาก และดูเหมือนว่า Toyota จะต้องเร่งหาทางแก้ไขปัญหาในเรื่องของการผลิตอย่างเร่งด่วน
[adsforwp id=”1302″]
![]()
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ Toyota ได้เปิดตัว Land Cruiser รุ่นใหม่ ที่แม้ว่าตัวรถจะไม่ได้ทับไลน์โดยตรงกับ Grand Highlander แต่ก็มีจุดปัญหาร่วมกัน เพราะโดยเป้าหมายแล้ว ทางบริษัทมองว่าการเปิดตัว Land Cruiser รุ่นใหม่ที่ลดราคาลงจากเดิม และเพิ่มเติมด้วยคุณสมบัติขั้นสูงในแบบที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน อาจจะเป็นปัจจัยส่งให้โมเดลได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น และมีอัตราการสั่งจองที่เพิ่มเข้ามา และผลกระทบจะตกไปอยู่ที่โรงงานผลิตในทางตอนใต้ของรัฐอินเดีย ที่ปัจจุบันใช้เป็นฐานการผลิต Grand Highlander ที่ยังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมการจัดส่งให้กับลูกค้า ณ ตอนนี้
[adsforwp id=”1302″]
![]()
![]()
ย้อนกลับไปในปี 2021 Toyota ได้ประกาศการลงทุนมูลค่า 803 ล้านดอลลาร์บนโรงงานในอินเดียน่า เพื่อใช้เป็นฐานการผลิตใหม่ของรถเอสยูวีที่จะใช้ในการทำตลาดในอเมริกาเหนือ ซึ่ง ตอนนั้น มี Lexus TX ที่ขึ้นอยู่ในไลน์การผลิต และต่อด้วย Grand Highlander ซึ่งในช่วงต้นมิถุนายนที่ผ่านมา ก็เริ่มที่จะขึ้นไลน์การผลิต Land Cruiser บนโรงงานแห่งนี้ด้วย ซึ่งนั้นหมายถึงว่า โรงงานกำลังเดินหน้าเต็มกำลังเพื่อการสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด ส่วนหนึ่งของการลงทุนนี้ยังรวมถึงการสนับสนุนโรงเรียนในรัฐอินเดียนาผ่านมูลนิธิ Toyota USA Foundation ซึ่งมอบเงินช่วยเหลือสูงถึง 11.1 ล้านดอลลาร์ให้กับการศึกษาและอาชีพของ STEM (science, technology, engineering, and mathematics) อีกด้วย
![]()
Leah Curry ประธานบริษัท Toyota Indiana กล่าวว่า “Toyota มองหาอนาคตอยู่เสมอ โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น Grand Highlander และโครงการริเริ่มที่สร้างสรรค์สำหรับชุมชน เช่น Driving Possibilities ความเป็นไปได้ในการขับขี่เป็นรากฐานสำหรับประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพเพื่อเตรียมนักเรียนในพื้นที่ให้พร้อมสำหรับอาชีพ STEM ในอนาคต”
![]()
![]()
เพื่อเป็นการทบทวนถึงความนิยมของ Toyota Grand Highlander ตัวรถจะมีตัวเลือกระบบส่งกำลังมากถึง 3 รูปแบบ โดยจะมีตัวเลือกเครื่องยนต์ 4 ลูกสูบ 2.4 ลิตรเทอร์โบชาร์จ เป็นเครื่องยนต์เริ่มต้น และตัวเลือกเครื่องยนต์ไฮบริด 2.5 ลิตร และเครื่องยนต์ไฮบริด 2.4 ลิตรเทอร์โบ ในรุ่น Hybrid Max ที่มาพร้อมกับขุมกำลังที่มากถึง 262 แรงม้า (hp) อีกทั้งตัวรถรุ่นเริ่มต้นนั้นถือว่าจัดเต็มในเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอกลางขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย การอัพเดทแบบ Over-the-Air แท่นชาร์จไร้สาย 2 แท่น USB Type C จำนวน 7 ช่อง และทางเลือกเครื่องเสียงจาก JBL จำนวน 11 ลำโพง พร้อม Wi-Fi hotspot ที่รองรับการเชื่อมต่อได้สูงสุดถึง 5 เครื่อง
![]()
และสิ่งที่น่าจะดึงดูดผู้บริโภคมากที่สุด ก็คือราคาจำหน่ายของตัวรถ โดย Toyota Grand Highlander XLE ที่เป็นรุ่นเริ่มต้นนั้น จะมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 44,670 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 1.54 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างย่อมเยา เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ใช้รูปแบบของรถเอสยูวีขนาด Full Size 8 ที่นั่งเหมือนกัน มันจึงค่อนข้างได้รับกระแสที่ตอบรับในเชิงบวกเป็นอย่างมาก และดูเหมือนว่าจะสามารถกวาดยอดจองล่วงหน้าไปได้อย่างท่วมท้น
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motor1.com
[adsforwp id=”1302″]
