หลังจากเปิดตัวโมเดลใหม่สำหรับปี 2023 ไปเมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา ล่าสุด BYD ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีนที่กำลังร้อนแรงที่สุดในตลาดตอนนี้ ได้ออกมาประกาศราคาอย่างเป็นทางการของเจ้า Qin Plus EV เวอร์ชันปี 2023 ในประเทศจีน ซึ่งมีราคาที่ต่ำกว่าเวอร์ชั่นเดิม ที่เปิดตัวเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา
[adsforwp id=”1302″]
![]()
โดยพื้นฐานแล้ว BYD Qin Plus EV ใหม่ได้รับการสนับสนุนโดย e-platform 3.0 พร้อมระบบส่งกำลังใหม่ที่เรียกว่า eight-in-one powertrain และแบตเตอรี่ BYD LFP blade battery รองรับการชาร์จเร็ว DC และสามารถชาร์จจาก 30% ถึง 80% ใน 30 นาที ตัวรถยังมีระบบปรับอากาศพร้อมปั๊มความร้อน ที่ไม่ได้ติดตั้งจากรุ่นก่อนหน้า และยังมีการอัพเกรดถุงลมนิรภัยด้านหน้าและด้านหลังกล้อง HD 360 องศา มีแผงหน้าปัด LCD ขนาด 8.8 นิ้ว
[adsforwp id=”1302″]
![]()
BYD Qin Plus EV 2023 รุ่นเริ่มต้นจะมีระยะทางจากการทดสอบ CLTC ที่ 420 กิโลเมตร โดยตัวรถจะมีกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 100 แรงม้า (kw) พร้อมกับแรงบิด 180 นิวตันเมตร และมีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 5.5 วินาที ในขณะที่รุ่นกลางจะมีสเปกที่เหมือนกับรุ่นเริ่มต้นทุกประการ แต่จะมีระยะทางที่วิ่งได้เพิ่มเป็น 510 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งรอบ
![]()
ในขณะที่รุ่นท๊อปสุด จะมีมอเตอร์ขับกำลังไฟฟ้า ที่สร้างกำลังได้สูงสุด 150 แรงม้า (kw) พร้อมกับแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 3.8 วินาที และมีระยะทางในการวิ่ง จากการทดสอบ CLTC ที่ 640 กิโลเมตร
![]()
ประเด็นสำคัญที่สุดของเรื่องนี้คือราคาเปิดตัว โดยรุ่นระยะทาง 420 กิโลเมตร ที่เป็นรุ่นเริ่มต้น จะวางราคาจำหน่ายที่ 129,900 หยวน คิดเป็นเงินไทย จะตกที่ราวๆ 644,988 บาท ซึ่งจะมีราคาที่ถูกกว่ารุ่นเริ่มต้นของโมเดลปี 2021 ประมาณ 12,000 หยวน หรือราวๆ 60,000 บาท โดยที่ตัวรถรุ่นใหม่ จะมาพร้อมเทคโนโลยีที่ใหม่กว่า และสเปกของมอเตอร์และระยะทางที่วิ่งได้ ไกลกว่าเดิมเล็กน้อย
![]()
ในส่วนของรุ่นกลางและตัวท๊อปนั้น ก็มีราคาที่ถูกกว่ารุ่นก่อนหน้า เล็กน้อย เฉลี่ยอยู่ที่ 8,000 หยวน หรือประมาณ 39,750 บาท โดยทั้งนี้เป็นเพราะการลดต้นทุนการผลิตของทางบริษัท หลังจากที่รัฐบาลจีนยุติเงินอุดหนุนผู้บริโภคภายในประเทศ และทำให้ตัวรถมีราคาพุ่งสูงขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ จนทำให้บริษัทต้องประกาศลดราคาลงมา เพื่อต่อสู้กับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก carnewschina.com
[adsforwp id=”1302″]
