SUV Toyota RAV4 คันนี้มีให้เลือกทั้งสไตล์ Core, Sport และ Rugged รวมไปถึงรุ่น Woodland และ GR-Sport ใหม่อีกด้วย
– Toyota RAV4 รุ่นที่ 6 มาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่และฟังก์ชันด้านเทคโนโลยีที่ได้รับการอัปเกรดใหม่
– รถยนต์ SUV ขนาดใหญ่คันนี้ใช้ชิ้นส่วนพื้นฐานมาจากรุ่นอัปเกรดก่อนหน้า
– กลุ่มผลิตภัณฑ์มีให้ตัวเลือกทั้งระบบส่งกำลังแบบไฮบริด(HEV) และปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ที่ทรงพลัง
Toyota RAV4 เป็นรถยนต์ SUV ยุคใหม่ ที่ได้รับความนิยมและขายดีที่สุดในตลาดอเมริกาและเป็นหนึ่งในรุ่นยอดนิยมทั่วโลกซึ่งในปัจจุบัน Toyota RAV4 รุ่นที่ได้รับการอัปเกรดเป็นรุ่นที่ 6 แล้วนั่นเอง ทำให้ Tesla Model Y มีคู่แข่งใหม่จาก Toyota และมีราคาถูกกว่าครึ่ง
Toyota RAV4 ใช้แนวทางการออกแบบและฟังก์ชันแบบเดียวกันกับ Camry โดยเลือกการออกแบบใหม่ทั้งหมดทั้งคันแทนที่จะเป็นรถรุ่นใหม่แบบ All New แต่ Toyota RAV4 รุ่นล่าสุดได้ใช้พื้นฐานมาจากรุ่นอัปเกรดของโฉมก่อนหน้า นอกจากนี้ยังมีการสไตล์ใหม่ ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมไปถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าทั้งหมด ได้แก่รุ่น HEV และ PHEV อีกด้วยเป็นที่น่าประหลาดใจที่สุดคือรุ่น GR Sport จะเหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการความไดนามิกมากขึ้น
การออกแบบใหม่แต่คุ้นเคย
การออกแบบของ Toyota ไม่ได้ทำอะไรที่แปลกตามากนัก แต่พวกเขาก็ได้ทำการเปลี่ยนแปลงมากพอสมควรที่จะทำให้รถรุ่นนี้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น การออกแบบภายนอกมีความผสมผสานรูปลักษณ์แบบเดียวกับที่เราคุ้นเคยเมื่อหลายปีเข้ากับสไตล์ใหม่ที่ทันสมัยมากขึ้น ลูกค้าสามารถเลือกได้ถึง 3 สไตล์ที่แตกต่างกัน ซึ่งได้แก่ Core, Sport และ Rugged ซึ่งแต่ละสไตล์การตกแต่งที่แตกต่างกัน ในรุ่น Core จะมีรุ่นย่อยได้แก่รุ่น LE, XLE และ Limited ส่วนรุ่น Rugged ได้แก่ รุ่น Woodland ใหม่ และรุ่น Sport จะมาพร้อมกับรุ่น SE, XSE และ GR Sport
การดีไซน์ด้านหน้าของ RAV4 ใช้ไฟหน้า LED ที่คมและเป็นเหลี่ยมเป็นมุมมากขึ้น กระจังหน้าใช้สีเดียวกับตัวรถ และช่องรับอากาศมีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อให้ดูดุดันยิ่งขึ้น รูปลักษณ์ภายนอกสามารถจดจำได้ทันทีด้วยซุ้มล้อทรงสี่เหลี่ยมคางหมูและเส้นสายที่คล้ายคลึงกัน แม้ว่าจะดูมีมิติมากขึ้นเล็กน้อย เรือนกระจกยังได้รับการปรับแต่งด้วยเส้นขอบตรง ในขณะที่ล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่มีให้เลือกในขนาด 17, 18 หรือ 20 นิ้ว ขึ้นอยู่กับรุ่นตกแต่งของลูกค้า
TOYOTA RAV4 WOODLAND
ด้านหลังมีกระจังหน้าแบบกว้างเต็มตัวพร้อมการตกแต่งด้วยสีตัวถังที่ประกอบไปด้วยไฟท้าย LED แบบใหม่ มีประตูท้ายทรงกล่องและสปอยเลอร์ที่ใหญ่ขึ้น แต่สำหรับรุ่น GR Sport จะยกระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วยปีกที่โดดเด่นกว่าและกระจังหน้าแบบสปอร์ตยิ่งขึ้น และรุ่น Woodland ได้รับการเพิ่มกระจังหน้าแบบแยกส่วนที่แข็งแกร่ง ได้ไฟ LED เพิ่มเติมที่กันชนหน้า ราวหลังคาที่ใหญ่โตกว่า และระยะห่างจากพื้นสูงขึ้นเล็กน้อยประมาณ (+0.5 นิ้ว / 13 มม.) ด้วยยางแบบออลเทอร์เรน
สีภายนอกมีทั้งแบบสีเดียวและสองโทนที่มาจาก RAV4 รุ่นก่อนหน้า แต่จะมีสีภายนอกใหม่สำหรับบางรุ่น เช่นสี Meteor Shower, Everest และ Storm Cloud นอกจากนี้ยังมีสี Urban Rock เฉพาะสำหรับรุ่น Woodland และสีแดง Supersonic Red พิเศษมาพร้อมหลังคาสีดำสำหรับรุ่น GR Sport อีกด้วย
ขนาดตัวถังของ SUV ขนาดใหญ่คันนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีความยาว (4,595-4,618 มิลลิเมตร) และฐานล้อเท่ากันที่ (2,690 มิลลิเมตร) อย่างไรก็ตาม สูงกว่ารุ่นก่อนหน้าเล็กน้อย โดยมีความสูงตั้งแต่ (1,687 ถึง 1,722 มิลลิเมตร)
เทคโนโลยีมากขึ้นกว่าเดิม แต่ปุ่มฟังก์ชันภายในน้อยลง
ภายในของ RAV4 ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยเน้นที่การใช้งานจริงโดยไม่ละทิ้งสไตล์เป็นเดิมมากนัก แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้วใหม่เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมด้วยจอแสดงผลข้อมูลความบันเทิงแบบตั้งอิสระขนาด 10.5 หรือ 12.9 นิ้ว ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกจอแสดงผลแบบ Head-up ในรุ่นที่มีคุณสมบัติสูงกว่าได้อีกด้วย
คุณสมบัติใหม่ที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการเปิดตัวซอฟต์แวร์ Arene ซึ่งโตโยต้าอธิบายว่าเป็นก้าวแรกสู่ “ยานยนต์ที่ควบคุมด้วยซอฟต์แวร์อย่างสมบูรณ์” แพลตฟอร์มนี้ขับเคลื่อนระบบข้อมูลความบันเทิง Toyota Audio Multimedia เวอร์ชันล่าสุดพร้อมคุณสมบัติการเชื่อมต่อที่ทันสมัยทั้งหมด และรองรับชุด Toyota Safety Sense 4.0 ADAS ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ซึ่งจะเปิดตัวครั้งแรกในรุ่น Toyota RAV4 ใหม่นี้
น่าเสียดายที่ระบบควบคุมสภาพอากาศภายในรถถูกตัดออกไป แต่เวอร์ชันดิจิทัลยังคงมีอยู่ซึ่งจะแสดงถาวรที่ด้านล่างของหน้าจอสัมผัสตรงกลาง ถัดจากปุ่มโฮม ความสะดวกสบายได้รับการเพิ่มด้วยคอนโซลกลางที่ออกแบบใหม่ซึ่งมีที่วางแก้วสองช่องและช่องเก็บของเพิ่มเติม พร้อมด้วยสวิตช์โยกขนาดเล็กที่พบในรุ่นบางรุ่นพร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ด้วยสายไฟ นอกจากนี้ พื้นที่เก็บสัมภาระยังเพิ่มขึ้นจากเดิม 733 ลิตร เป็น 749 ลิตร และพนักพิงเบาะที่ออกแบบใหม่อีกด้วย
วัสดุภายในมีความหลากหลาย เช่น ผ้า SofTex และ Ultrasuede แบบเจาะรู ขึ้นอยู่กับการตกแต่ง คุณจะได้รับสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น พรมปูพื้นทุกสภาพอากาศและเบาะนั่งสี Mineral พิเศษในรุ่น Woodland หรือตราสัญลักษณ์ Gazoo Racing และแป้นเหยียบอะลูมิเนียมในรุ่น GR Sport สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเสียง มีระบบเสียง JBL Premium Audio พร้อมลำโพง 9 ตัวที่อัปเกรดมาจากชุดลำโพง 6 ตัว
แชสซีแบบยกเครื่องใหม่ สำหรับรุ่นระบบไฟฟ้า
แม้จะกำหนดชื่อว่า “เจเนอเรชั่นใหม่” แต่ RAV4 ยังคงใช้แพลตฟอร์มมาจาก TNGA-K รุ่นอัปเกรดที่มีอยู่ อย่างไรก็ตาม โตโยต้าได้ปรับโครงสร้างบางส่วนอย่างโดดเด่น เช่น เสริมความแข็งแรงให้กับข้อต่อเฟรมและจุดยึดช่วงล่างเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของโครงสร้าง นอกจากนี้ โตโยต้ายังใช้กาวหน่วงสูง ซึ่งโตโยต้าอ้างว่าช่วยลดการสั่นสะเทือนเล็กน้อยและเสียงรบกวนบนท้องถนนได้
สำหรับรุ่น GR Sport ซึ่งเป็นรุ่นแรกในตลาดสหรัฐอเมริกา มีแชสซีที่แข็งแรงยิ่งขึ้น และระบบกันสะเทือนและพวงมาลัยที่ปรับแต่งพิเศษโดยแผนก Gazoo Racing ของโตโยต้า ยังต้องรอดูว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะช่วยปรับปรุงประสบการณ์การขับขี่ได้จริงหรือไม่ แต่เราคาดว่าจะเป็นเช่นนั้น
บางทีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดก็คือ Toyota RAV4 อาจจะเปลี่ยนเป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งหมด และสำหรับเวอร์ชันที่ใช้น้ำมันเพียงอย่างเดียวของรุ่นก่อนหน้าอาจจะยกเลิกไป เปิดทางให้กับรุ่นไฮบริด (HEV) และไฮบริดปลั๊กอิน (PHEV) ซึ่งทั้ง 2 รุ่นใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตรสี่สูบ
TOYOTA RAV4 GR SPORT
RAV4 Hybrid มาพร้อมระบบกำลังรวม 226 แรงม้า (229 PS) ขับเคลื่อนล้อหน้าใหม่ และ 236 แรงม้า (239 PS) ในระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือมากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 17 แรงม้า ในขณะเดียวกัน RAV4 PHEV มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นรุ่นมาตรฐานและให้กำลัง 320 แรงม้า (324 PS) เพิ่มกำลังขึ้น 18 แรงม้า Toyota ทางค่ายอ้างว่าการอัปเดตทรานแอกเซิล ชุดควบคุมพละกำลัง จะมาพร้อมชุดแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม และการเพิ่มเซมิคอนดักเตอร์ซิลิกอนคาร์ไบด์ในเพลาหน้าล้วนมีส่วนทำให้มีกำลังเพิ่มขึ้นอีกด้วย
นอกจากกำลังที่เพิ่มขึ้นแล้ว RAV4 PHEV ยังสามารถเพิ่มระยะทางวิ่งสำหรับ EV ได้อีก 8 ไมล์ (13 กม.) โดยปัจจุบันอยู่ที่ 50 ไมล์ (80 กม.) และหากลูกค้าใช้รุ่น XSE หรือรุ่น Woodland ที่มีสเปกสูง ลูกค้าจะได้รับโบนัสเพิ่มเติมของการชาร์จด่วน DC ด้วยพอร์ต CCS แทน J1772 มาตรฐาน ซึ่งหมายความว่าลูกค้าสามารถสามารถชาร์จไฟจาก 10% ถึง 80% ในเวลาเพียง 30 นาที
น้ำหนักการลากจูงเริ่มต้นที่ (794 กิโลกรัม) สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและสูงสุดที่ (1,588 กิโลกรัม) ในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อบางรุ่น ดังนั้น หากคุณกำลังคิดที่จะลากจูงอะไรบางอย่างที่หนักกว่าเรือคายัคแล้วละก็ รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
ราคาและการวางจำหน่าย
Toyota RAV4 ปี 2026 มีกำหนดมาถึงตัวแทนจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายปี 2025 โดยรายละเอียดราคาคาดว่าประกาศใกล้ถึงวันเปิดตัว โดยอิงจากราคาของรุ่นก่อนหน้าและสถานการณ์ปัจจุบัน โดยไม่รวมภาษีศุลกากรที่อาจเกิดขึ้น เราคาดว่ารุ่น Core ที่เป็นรุ่นเริ่มต้นจะมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 33,000 -35,000 ดอลลาร์ หรือประมาณราว ๆ 1.07-1.14 ล้านบาท โดยรุ่น GR Sport น่าจะมีราคาเกือบ 50,000 ดอลลาร์ หรือประมาณราว ๆ 1.63 ล้านบาท
Toyota กล่าวว่าจะเปิดตัว RAV4 ใหม่อย่างต่อเนื่องมากกว่า 180 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลกอาจจะพอมีให้ลุ้นบ้าง สำหรับประเทศไทยเรา หากทราบข้อมูลเพิ่มเติมจะนำมารายงานต่อไป
Toyota RAV4
ที่มา: www.carscoops.com