Kia ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเกาหลีใต้ ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ Niro รถยนต์เอสยูวีขนาดกลาง ที่ในครั้งนี้ ผู้ผลิตจากแดนกิมจิ ได้นำเสนอตัวเลือกที่เข้ากับยุคสมัย ด้วยตัวเลือกขุมกำลังแบบไฮบริด และตัวเลือกมอเตอร์ไฟฟ้า ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติและความปลอดภัยขั้นสูงสุด
แบ่งออกเป็นสองโมเดลหลักๆ 2023 Kia Niro Hybrid จะมาพร้อมกับขุมกำลัง 4 ลูกสูบ GDI 1.6 ลิตร Smartstream ที่ให้กำลังสูงสุด 103 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 144 นิวตันเมตร โดยมีการทำงานแยกส่วนกับมอเตอร์ขับกำลังไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous ที่ช่วยขับกำลังสูงสุด 139 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 265 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบส่งกำลังแบบ DCT 6 สปีด ซึ่งตัวรถมีความสามารถในการวิ่งด้วยกำลังไฟฟ้าได้ไกลสูงสุด 80 กิโลเมตร บนความเร็วๆ ไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ในส่วนของรุ่นย่อยนั้น 2023 Kia Noro Hybrid จะนำเสนอใน 2 เกรด ประกอบไปด้วยรุ่นเริ่มต้น ในเกรด S โดยจะมาพร้อมกับการใช้งานหน้าจอแสดงผลส่วนคนขับและสาระบันเทิงขนาด 4.2 นิ้ว คุณสมบัติด้านความปลอดภัยต่างๆ รวมถึงถุงลมนิรภัยด้านตรงกลาง ระบบเบรกแบบ Multi Collision กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ รวมไปถึงระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นระบบ Blind Spot Collision Avoidance Assist, Rear Cross Traffic Collision Avoidance Assist, and Intelligent Speed Limit Assist. Other safety features include Lane Keeping Assist, Driver Attention Warning, High Beam Assist, Lane Following Assist, Rear View Monitor, Rear Cross-Traffic Collision-Avoidance Assist และ Rear Parking Sensors เป็นระบบมาตรฐาน
ในส่วนของเกรดสูงสุด จะเป็นเกรด GT-Line จะมีการอัพเกรดหน้าจอแสดงผลส่วนคนขับและหน้าจอสาระบันเทิงขนาด 10.25 นิ้ว โดยที่หน้าจอสาระบันเทิงจะเป็นระบบสัมผัส และเสริมด้วย หน้าจอแบบ HUD (Head Up Display) ที่บริเวณกระจกหน้าฝั่งคนขับ ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติ เบาะนั่งคู่หน้าแบบพรีเมี่ยมที่ช่วยลดอาการเมื่อยล้า แท่นชาร์จไร้สาย พวงมาลัยแบบปรับอุณหภูมิได้ ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะจากระยะไกล และประตูท้ายเปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ในส่วนของ 2023 Kia Niro EV นั้นจะมาพร้อมกับมอเตอร์ขับกำลังไฟฟ้า 210 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 255 นิวตันเมตร 1 ตัว และแบตเตอรี่ลิเธียมไอ-ออนขนาด 64.8 kWh ที่รองรับการเดินทาง 460 กิโลเมตร บนมาตรฐานการทดสอบ WLTP มีความสามารถในการประจุไฟจาก 10-80% ได้ในเวลา 43 นาที บนสถานชาร์จไฟแบบ DC Fast Charge 220v
เช่นเดียวกับ Niro Hybrid ในรุ่นไฟฟ้าล้วนก็มีการตัดเกรดเป็น 2 ตัวเลือก ประกอบด้วยเกรด S เริ่มต้น โดยจะมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลส่วนคนขับขนาด 10.25 นิ้ว เท่ากับเกรด GT-Line ในรุ่น Hybrid แต่จะมีหน้าจอแสดงผลสาระบันเทิงขนาด 8 นิ้วมาตรฐาน ส่วนรุ่นท๊อปอย่าง EV GT-Line นั้นจะเสริมในส่วนของ ซันรูฟปรับไฟฟ้า เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าแบบพรีเมียมที่มีระบบนวดในตัว ระบบเสียงระดับพรีเมียม Harman/Kardon 8 ลำโพง
สำหรับราคาจำหน่ายในออสเตรเลียนั้น 2023 Kia Niro Hybrid S จะมีราคาจำหน่ายที่ 44,380 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (1.08 ล้านบาท) Hybrid GT-Line จำหน่ายในราคา 50,030 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (1.22 ล้านบาท) ส่วนรุ่นไฟฟ้าล้วน Niro EV S จำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 65,300 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (1.59 ล้านบาท) และปิดท้ายด้วย Niro EV GT-Line มีราคาเริ่มต้นที่ 72,100 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (1.76 ล้านบาท)
Credit : www.carscoops.com