กลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าจับตามองไปแล้ว สำหรับ All-New Nissan Armada ด้วยการนำเสนอครั้งใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม
![]()
สำหรับ All-New Nissan Armada 2025 ได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเอสยูวีที่มีขนาดใหญ่ที่สุด โดยมีรูปลักษณ์ภายนอกที่เฉียบคมขึ้น ภายในที่เน้นเทคโนโลยี เครื่องยนต์ใหม่ และเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาที่มีการตกแต่งออฟโรด Pro-4X ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติในการขับขี่เชิงออฟโรดขั้นสูง
![]()
![]()
All-New Nissan Armada 2025 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V-6 ขนาด 3.5 ลิตรเทอร์โบคู่ใหม่ ซึ่งเป็นขุมกำลังเดียวกับที่ติดตั้งบน Infiniti QX80 โดยจะให้กำลัง 425 แรงม้า (hp) พร้อมกับแรงบิด 516 Ib-Ft ซึ่งจะมีพละกำลังที่มากกว่าเครื่องยนต์ V-8 รุ่นก่อนหน้าถึง 25 แรงม้าและ 103 Ib-Ft เครื่องยนต์ใหม่นี้จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบปรับได้ ตัวรถรุ่นใหม่มีความแข็งแรงในการบิดตัวเพิ่มขึ้น 25% และมีความแข็งแรงในแนวขวางเพิ่มขึ้น 57% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ซึ่งทางผู้ผลิตกล่าวว่าสิ่งนี้ทำให้ Armada มีคุณภาพการขับขี่ที่ดีขึ้น และทำให้มีสมรรถนะในการขับขี่แบบออฟโรดมากขึ้นด้วยรุ่น Pro-4X ใหม่ และด้วยอุปกรณ์ลากจูงแบบคลาสสี่แบบบูรณาการมาตรฐานในปัจจุบัน Armada จึงสามารถลากน้ำหนักได้ถึง 8,500 ปอนด์ (ราวๆ 3,855 กิโลกรัม)
![]()
ในขณะที่รุ่นออฟโรด Pro-4X จะเพิ่มการอัปเกรด ยางแบบ all-terrain ขนาด 20 นิ้ว ระบบกันสะเทือนถุงลมแบบปรับได้ แผ่นกันกระแทกโลหะ และเฟืองท้ายแบบล็อกอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งระบบเฟืองท้ายนี้ เคยปรากฏตัวบน Nissan Patrol สำหรับตลาดตะวันออกกลาง ที่เน้นการขับขี่บนทางทะเลทรายเป็นหลัก
![]()
ด้วยการตั้งค่าระบบกันสะเทือนถุงลมสูงสุด Armada Pro-4X จึงมีระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ 9.6 นิ้ว และสูงกว่าความสูงมาตรฐาน 2.1 นิ้ว แผงหน้าที่ปรับปรุงใหม่พร้อมดีไซน์กระจังหน้าแบบ 3 ช่องช่วยปรับปรุงการเข้าใกล้ และกันชนหลังที่อัปเกรดในลักษณะเดียวกัน โดยรวมแล้ว Armada Pro-4X มีมุมเข้าใกล้ 33.9 องศา มุมทะลุ 25.3 องศา และมุมออกจาก 24.3 องศา
![]()
ในลักษณะของการใช้งานบนทางเรียบนั้น รุ่นท๊อปอย่าง Platinum Reserve จะมีล้อขนาด 22 นิ้วพิเศษ ระบบกันสะเทือนแบบปรับได้ แถบไฟ LED ด้านหลังพร้อมแถบไฟท้ายแบบเต็มความกว้าง และการอัปเกรดภายใน เช่น เบาะนวดสำหรับคนขับและผู้โดยสาร และจอแสดงผลบนกระจกหน้า
![]()
Armada ปี 2025 มาพร้อมอุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐานมากมาย เช่น ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบช่วยไฟสูง ระบบตรวจจับจุดบอด ระบบเตือนออกนอกเลน และอื่นๆ อีกมากมาย ระบบ Pro Pilot Assist ที่มาพร้อมการบังคับเลี้ยว การเร่งความเร็ว และการเบรกเป็นมาตรฐานในทุกรุ่น ในขณะที่รุ่น SL และรุ่นที่สูงกว่านั้นยังมีระบบ Pro Pilot 2.1 ของ Nissan ซึ่งรวมถึงฟังก์ชันแฮนด์ฟรีสำหรับการขับขี่บนทางหลวง ระบบนี้ผสมผสานการเบรก การเร่งความเร็ว และการบังคับเลี้ยวเข้ากับระบบช่วยเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ
![]()
![]()
ยังไม่มีการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ สำหรับ All-New Nissan Armada 2025 โดยทางผู้ผลิตตั้งเป้าหมายให้ตัวรถ จะเข้าร่วมแข่งขันกับ Chevrolet Tahoe, Ford Expedition, Toyota Sequoia และอื่นๆในตลาดเอสยูวีขนาดฟูลไซส์ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าตัวรถน่าจะพร้อมจำหน่ายในอเมริกาช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ส่วนในตลาดภูมิภาคอื่นๆ นั้นยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motor1.com
