เปิดตัวอย่างเป็นทางการ Toyota Land Cruiser FJ (รุ่นล่าสุด) ในงาน Japan Mobility Show 2025 โดยเริ่มจำหน่ายในญี่ปุ่นช่วงกลางปี 2026 และจะจำหน่ายในเอเชียและตลาดอื่น ๆ ต่อจากนี้ ส่วนตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป อาจไม่มีการจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยรถคันนี้ขอท้าชนคู่แข่งอย่าง Suzuki Jimny, Land Rover Defender 90
**รถรุ่นนี้ผลิตในโรงงานไทย เพื่อส่งออกและจำหน่ายในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกอีกด้วย
Toyota Land Cruiser FJ (รุ่นล่าสุด) ได้ถูกวางผลิตภัณฑ์ให้เป็นรุ่นที่มีขนาดเข้าถึงง่ายไม่เล็กหรือใหญ่ ซึ่งจัดอยู่ในตระกูล Land Cruiser โดยยังคง DNA ด้านความทนทานและการขับขี่แบบสายลุยของ Land Cruiser เอาไว้ ด้วยขนาดที่กะทัดรัดเพื่อใช้งานได้ทั้งในเมืองและสามารถลุยแบบออฟโรดได้อย่างสบาย
แพลตฟอร์ม และโครงสร้าง
ใช้โครงสร้างแบบ “บอดี้-ออน-เฟรม” (body-on-frame) และใช้แพลตฟอร์ม IMV (IMV-0) ที่์ใช้ร่วมกับรถกระบะ อย่างเช่น Toyota Hilux Champ และรถ SUV รุ่นอื่นๆ ร่วมด้วย
มีการเสริมโครงสร้างใต้ท้องรถ (under-floor bracing) และเน้นความแข็งแกร่งของตัวถังเพื่อให้เหมาะสมทั้งใช้งานแบบทั่วไปและออฟโรดได้

ขนาดตัวถัง และดีไซน์
ขนาดโดยประมาณของ Toyota Land Cruiser FJ ยาวประมาณ 4,575 มม. × กว้าง 1,855 มม. × สูง 1,960 มม. พร้อมฐานล้อ (wheelbase) ประมาณ 2,580 มม.
ดีไซน์ย้อนยุคแบบ (retro) เน้นสี่เหลี่ยม-แนวแข็ง เช่น ไฟทรงกลมหรือทรงเหลี่ยม, ซุ้มล้อหนา, ตัวถังแนวตั้ง, มีล้ออะไหล่ติดด้านหลังมาให้ด้วย
มีรายละเอียดที่คำนึงถึงสำหรับการลุย เช่น overhang เป็นแบบสั้น, โคลนกันกระแทก-ซุ้มล้อเป็นพลาสติก, กระจังหน้าแข็ง
เครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง
– สำหรับรุ่นเริ่มต้น ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.7 ลิตร (รุ่น 2TR-FE) ซึ่งให้แรงม้าราว 160–166 แรงม้า และแรงบิดประมาณ 245-246 นิวตันเมตร
จะจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และระบบขับเคลื่อนแบบ 4 WD แบบ “part-time” (สามารถสลับจากขับหลังเป็นขับสี่) เพื่อเน้นการใช้งานลุย
**มีรายงานว่าอาจจะมีรุ่นดีเซลหรือไฮบริดตามมาในภายหลัง แต่ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการในขณะนี้
ความสามารถออฟโรด และคุณสมบัติพิเศษ
ด้วยตัวถังแบบบอดี้-ออน-เฟรม, พื้นที่ใต้ท้อง (ground clearance) และ overhang ที่สั้น ช่วยให้ลุยได้ดีขึ้น
มีอุปกรณ์เสริม เช่น แผ่น MOLLE ที่ช่องเก็บสัมภาระสำหรับติดตั้งอุปกรณ์ภายนอก, กันชนที่ถอดแยกได้เพื่อการซ่อมและปรับแต่ง
พวงมาลัยและการหมุนรอบตัวรถใช้ได้ดี เพราะมีฐานล้อน้อย ทำให้เหมาะกับทั้งลุยและใช้งานในเมือง

ข้อมูลที่ต้องทราบเพิ่มเติม
ในส่วนของอุปกรณ์เสริมและรุ่นย่อยต่าง ๆ สำหรับแต่ละประเทศยังมีความไม่ชัดเจนในขณะนี้ อาจจะมีทั้งรุ่น (เบนซิน, ดีเซล, ไฮบริด) และราคาในไทยยังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ
ถึงแม้จะเน้นลุย แต่สมรรถนะเครื่องยนต์อาจไม่แรงมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งบางรุ่น เพราะเลือกใช้เครื่องยนต์ที่เน้นความทนทานและใช้งานได้จริง มากกว่าจะแรงสูงสุด
ถ้าจะนำเข้าจากต่างประเทศ (ไทย → ประเทศอื่น) อาจมีค่าใช้จ่ายพิเศษ (ภาษี / ดัดแปลง) ขึ้นอยู่กับประเทศนั้น

ข้อมูลสำหรับ Toyota Land Cruiser FJ ในประเทศไทย
สำหรับรุ่นในไทยยังไม่มีการเปิดเผย “รุ่นย่อย / อุปกรณ์ / ราคาอย่างเป็นทางการ” โดย Toyota Motor Thailand ณ เวลานี้ จึงเป็นข้อมูล คาดการณ์/เบื้องต้น เท่านั้น
สิ่งที่ได้รับการยืนยันแล้ว
- ตัวรถจะผลิตที่โรงงานของโตโยต้า ที่บ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ประเทศไทย
- มีแผนที่จะเปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทย “ต้นปี 2026” (ช่วงก่อนหรือราวๆ นั้น) ภายหลังการเปิดตัวระหว่างประเทศ
- เครื่องยนต์: เบนซิน 2.7 ลิตร (รหัส 2TR-FE) แบบ 4 สูบ แถวเรียง พละกำลังราว 163 แรงม้า / แรงบิดราว 246 นิวตันเมตร
- ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ (Super ECT) พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 WD แบบ Part-Time
- มิติตัวถังโดยประมาณ: ยาว 4,575 มม. × กว้าง 1,855 มม. × สูง 1,960 มม. ฐานล้อ 2,580 มม.
- จำนวนที่นั่ง: 5 ที่นั่ง (สองแถว) สำหรับตลาดไทยเบื้องต้น
สิ่งที่ยังไม่แน่นอน / คาดการณ์
ราคา: ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการในไทย สำหรับราคาได้มีการ “คาดการณ์” จากสื่อหลายสำนักในไทยว่า อาจอยู่ราว ๆ 1,000,000 – 1,300,000 บาท
**ในข่าวบางแหล่งในญี่ปุ่นมีการคาดการณ์ช่วงราคาระหว่าง 866,000 – 974,000 บาท
รุ่นย่อย / อุปกรณ์: ยังไม่มีการประกาศว่ามีกี่รุ่นย่อย (เช่น Standard, Premium, Off-Road) หรืออุปกรณ์มาตรฐานแบบไหน (เบาะไฟฟ้า, ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่, อุปกรณ์ออฟโรดพิเศษ) สำหรับตลาดไทยโดยเฉพาะ
สำหรับเครื่องยนต์: ตอนนี้ยืนยันเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร สำหรับตลาดไทยเบื้องต้น ไม่มีการยืนยันว่ามีรุ่นดีเซลหรือไฮบริดในไทย หรืออาจจะมาในภายหลัง
ข้อมูลเพิ่มเติม
ถ้าคุณสนใจและวางแผนจะซื้อ ให้เผื่อเวลาเข้าไทย “ปี 2026” เพื่อรอเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย ควรเผื่องบประมาณไว้ราว หนึ่งล้านบาทขึ้นไป (โดยประมาณ) แต่ต้องรอราคาอย่างเป็นทางการจาก Toyota Motor Thailand ควรศึกษาและตรวจสอบอุปกรณ์มาตรฐานก่อนซื้อ เพราะรุ่นออฟโรดลักษณะนี้ มีอุปกรณ์เสริมและชุดแต่งอาจมีผลต่อราคาและความคุ้มค่าของลูกค้า แต่ถ้าต้องการใช้งานออฟ-โรดจริงจัง ให้ดูว่าอุปกรณ์เสริม อย่างเช่น ระบบล็อกเฟืองท้าย, โหมดลุย, ระบบลดเกียร์ (4L) ว่าได้มาครบหรือไม่
 
  
  
  
  
  
 
