หลังจากเปิดตัวในตลาดรถยนต์ประเทศจีนอย่างเป็นทางการแล้ว ในที่สุด BYD ต้นสังกัดของ Denza N8 ก็ได้เปิดราคาพร้อมกับสเปกของตัวรถอย่างเป็นทางการ ออกสู่สาธารณะเสียที
[adsforwp id=”1302″]
![]()
Denza N8 ได้รับการออกแบบตามภาษาการออกแบบ “π-Motion” และเป็นรุ่นทดแทนสำหรับ Denza X ในฐานะรถ SUV ขนาดกลางถึงใหญ่ ตัวรถจะมาพร้อมกับมิติ 4949/1950/1725 มิลิลเมตร พร้อมกับระยะฐานล้อ 2830 มิลลิเมตร ด้านหน้ามีไฟ DRL แบบเขี้ยวทั้งสองด้านสะดุดตา ด้านหลังมีสปอยเลอร์ที่ค่อนข้างใหญ่ ไฟท้ายแบบธรรมดา และแผ่น anti-scratch สำหรับกันรอยที่ด้านล่าง
[adsforwp id=”1302″]
![]()
![]()
ในด้านความปลอดภัย Denza N8 มีฟังก์ชันช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงระดับ 2+ เช่น การเตือนการชนด้านหน้าและการชนด้านหลังซึ่งรองรับโดยเซ็นเซอร์ทั้งหมด 24 ตัว รวมถึงเรดาร์แบบ millimeter wave radars และเรดาร์แบบ ultrasonic อีก 2 ตัว และทำงานสอดประสานกับ กล้องมองรอบรถจำนวน 6 ตัว
![]()
ระบบส่งกำลังมาจากระบบไฮบริด DM ของ BYD ซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตรเทอร์โบ และมอเตอร์คู่ที่วางชนเพลาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง กำลังที่ได้จากเครื่องยนต์จะเท่ากับ 102 แรงม้า (kw) และ 231 นิวตันเมตร ในขณะที่กำลังรวมของมอเตอร์คือ 360 แรงม้า (kw) สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (โดยล็อกสปีดด้วยกล่องควบคุม) มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 4.3 วินาที อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยรวมอยู่ที่ 6.45 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร (ในโหมดขับเคลื่อนแบบ AWD) รวมไปถึงการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ จำนวน 18.2 kWh ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร
![]()
Denza N8 ใช้พลังงานจากชุดแบตเตอรี่ Blade ของ BYD ที่มีความจุ 45.8 kWh โดยมีระยะการแล่นด้วยไฟฟ้าล้วน 216 กิโลเมตร (จากการทดสอบมาตรฐาน NEDC) รองรับทั้งการชาร์จแบบ AC และ DC โดยสามารถรองรับการชาร์จสูงสุดบนสถานี DC 90 KW นอกจากนี้ รถยังมาพร้อมกับสถานีจ่ายไฟเคลื่อนที่ VtoL ที่รองรับกำลังไฟสูงสุด 6 kw ซึ่งรถจะใช้เป็นแหล่งจ่ายไฟเคลื่อนที่ไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าในยามฉุกเฉิน หรือในระหว่างทำกิจกรรมกลางแจ้งได้อย่างสมบูรณ์แบบ
![]()
ในแง่ของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและพลังงานนั้น Denza N8 เมื่อเติมเชื้อเพลิงเต็มถังและแบตเตอรี่แบบ 100% จะสามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 1,030 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกลเมื่อเทียบกับรถในรูปแบบ PHEV ด้วยกัน อีกทั้งตัวรถยังติดตั้งระบบควบคุมตัวถังอัจฉริยะ Cloud Chariot-C ของ BYD ซึ่งเพิ่มความสามารถเพิ่มเติมสำหรับการขับขี่แบบออฟโรด ทำให้ตัวรถนั้นมีอรรถประโยชน์ในการใช้งานที่สูงมากรุ่นหนึ่งในตลาดปัจจุบัน
![]()
![]()
ภายในห้องโดยสารสะอาดและเรียบง่ายด้วยหน้าจอควบคุมส่วนกลางแบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้ว รองรับความละเอียดระดับ 2.5K พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสองก้านด้านล่างแบน แผงหน้าปัด LCD ขนาด 12.3 นิ้วแบบลอยตัว และจอแสดงผล Head-up Display ขนาด 12 นิ้ว รองรับระบบ Denza Link 5G นอกจากนี้ ระบบเสียงยังมาจากลำโพง Dynaudio ผู้โดยสารแถวหลังยังสามารถเข้าถึงโต๊ะวางถาดนอกจากนี้ยังมีหน้าจอสัมผัส LCD เพื่อควบคุมเครื่องปรับอากาศสำหรับแถวหลัง ซันรูฟขนาดใหญ่ที่ติดตั้งม่านบังแดดก็สามารถเปิดได้เช่นกัน
![]()
Denza N8 เปิดราคาจำหน่ายในประเทศจีน ด้วยสนนราคาเริ่มต้นที่ 319,800 หยวน หรือราวๆ 1.545 ล้านบาท และมีราคาสูงสุดที่ 326,800 หยวน หรือราวๆ 1.579 ล้านบาท โดยประมาณ ตัวรถพร้อมแล้วสำหรับการสั่งจองล่วงหน้า โดยทางผู้ผลิตยืนยันว่าตัวรถจะพร้อมส่งมอบให้กับผู้สั่งจองล็อตแรกก่อนเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ส่วนการทำตลาดในต่างประเทศนั้น ทางผู้ผลิตยังไม่มีการประกาศแผนงานที่ชัดเจนออกมา ณ ตอนนี้
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก carnewschina.com
[adsforwp id=”1302″]
