Nissan Leaf S Plus ปี 2026 รถยนต์ไฟฟ้าล้วน100% รุ่นใหม่ และเป็นรถที่วางราคาถูกที่สุดในตลาดอเมริกาในขณะนี้ โดยมีราคาเริ่มต้นเพียง 29,990 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณราว ๆ 9.7 แสนบาท) และคาดว่าจะมีรุ่น S ที่วางราคาจับต้องได้ออกมาทำตลาดในเร็วๆ นี้อีกด้วย
📌สำหรับ รุ่น SV Plus จะมีการทำราคาให้ถูกลง กว่ารุ่นปีก่อนหน้าถึง 1,960 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณราว ๆ 63,837 หมื่นบาท) รถยนต์ในซีรี่ย์นี้ทุกรุ่น ยกเว้นรุ่น S จะมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 75 กิโลวัตต์ชั่วโมง จับคู่กับมอเตอร์ขนาด 215 แรงม้า
ล่าสุด Nissan Leaf เจเนอเรชั่นใหม่ก็ได้มีการประกาศราคาอย่างเป็นทางการแล้ว เพื่อมาแข่งขันทางการตลาดในปี 2026 นี้ โดยมีการวางกลยุทธ์ลดราคาลงจากรุ่นก่อนนี้ และยังถือได้ว่าเป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาจับต้องได้มากที่สุดในตลาดสหรัฐอเมริกาอีกด้วย และในขณะนี้ยังไม่มีการประกาศราคาของรุ่น S ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้น
🚩จากข้อมูลของ NISSAN ระบุว่า Nissan Leaf เจเนอเรชั่นใหม่นี้ มีราคาเริ่มต้นต่ำสุดเมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ที่วางจำหน่ายภายในประเทศสหรัฐอเมริกา
🤔เปรียบเทียบระหว่างรุ่นปี 2026 กับรุ่นปี 2025 !!
– LEAF S : ปี 2026 ยังไม่มีการเปิดราคาในขณะนี้ แต่ปี 2025 วางราคาไว้ที่ 28,140 ดอลลาร์ (หรือราว ๆ 9.1 แสนบาท)
– LEAF S+: ปี 2026 วางราคา 29,990 ดอลลาร์ (หรือราว ๆ 9.7 แสนบาท) แต่ปี 2025 ไม่ทำราคา
– LEAF SV+ : ปี 2026 วางราคา 34,230 ดอลลาร์ (หรือราว ๆ 1.11 ล้านบาท) แต่ปี 2025 วางราคา 36,190 ดอลลาร์ (หรือราว ๆ 1.17 ล้านบาท)
– LEAF PLATINUM+: ปี 2026 วางราคา 38,990 ดอลลาร์ (หรือราว ๆ 1.26 ล้านบาท) แต่ปี 2025 ไม่ทำราคา
Nissan สามารถคุมราคาของรุ่น S+ ให้ต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เล็กน้อย ซึ่งไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับภาวะเงินเฟ้อในปัจจุบัน คาดการณ์ได้ว่ารุ่น S ที่กำลังจะมาถึงจะมีราคาต่ำกว่านี้อีก ซึ่งจะทำให้รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่นี้ สามารถดึงดูดใจลูกค้าฐานราคาประหยัดไม่เป็นอย่างดี
ข้อมูลเพิ่มเติม: Nissan Leaf รุ่นใหม่อาจประสบปัญหาตั้งแต่ยังไม่ออกสู่ท้องถนน
ในตอนนี้ การเปรียบเทียบระหว่างรุ่นต่างๆ ในตลาด สามารถเทียบได้กับรุ่น SV+ เท่านั้น ซึ่งรุ่นใหม่จะมีราคาเริ่มต้นที่ 34,230 ดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือราวๆ 1.11 ล้านบาท) ถูกกว่ารุ่นปี 2025 เกือบ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือราวๆ 65,100 หมื่นบาท) แม้ว่าจะมีระยะทางที่วิ่งได้ไกลขึ้นและมีฟีเจอร์มาตรฐานที่หลากหลายกว่าก็ตาม
ระบบส่งกำลังมีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่
- รุ่น S+, SV+ และ Platinum+ ใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่า 75 กิโลวัตต์ชั่วโมงร่วมกัน ให้ระยะทางสูงสุด (488 กิโลเมตร) ตามการประเมินของ EPA ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับมอเตอร์ที่ทรงพลังกว่า ให้กำลัง 215 แรงม้า (160 กิโลวัตต์ / 218 แรงม้า)
- รุ่น S เป็นรุ่นพื้นฐานใช้ชุดแบตเตอรี่ 52 กิโลวัตต์ชั่วโมง และมอเตอร์ 174 แรงม้า (130 กิโลวัตต์ / 177 แรงม้า) ซึ่งยังคงอัปเกรดจากรุ่นเริ่มต้น
ในส่วนของระบบชาร์จ Nissan Leaf ทุกรุ่นในตลาดสหรัฐอเมริกามาพร้อมพอร์ต NACS สำหรับเชื่อมต่อซูเปอร์ชาร์จเจอร์ของเทสลา และรองรับฟังก์ชัน V2L (vehicle-to-load)
ดีไซน์โฉบเฉี่ยวและห้องโดยสารที่ปรับปรุงใหม่!!
การออกแบบใหม่ของ Leaf ยกระดับรถครอสโอเวอร์แบบฟาสต์แบ็ก ด้วยตัวถังขนาด 173.4 นิ้ว (4,404 มม.) ที่เน้นหลักอากาศพลศาสตร์มากกว่ารถแฮทช์แบ็กรุ่นเดิม ไฟ LED เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทั้งหมด ขณะที่ Platinum+ มาพร้อมไฟท้ายสุดพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Nissan Z ล้ออัลลอยมีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ล้อเหล็กขนาด 18 นิ้วพร้อมฝาครอบแอโรไดนามิกในรุ่น S และ S+ ไปจนถึงล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วในรุ่น SV+ และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วในรุ่น Platinum+
ข้อมูลเพิ่มเติม: Nissan อ้างว่าได้มีการออกแบบไฟท้ายของ Nissan Leaf รุ่นใหม่ ผิดพลาด
Nissan อ้างว่าห้องโดยสารกว้างขวางขึ้นกว่าเดิม ด้วยพื้นรถที่เรียบและเบาะนั่งที่ออกแบบใหม่ ด้านหน้าทุกรุ่นมาพร้อมกับห้องโดยสารแบบดิจิทัล: รุ่น S และ S+ มีจอแสดงผลคู่ขนาด 12.3 นิ้ว ในขณะที่รุ่น SV+ และ Platinum+ มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 14.3 นิ้ว
✅ในส่วนของรุ่นท็อป Platinum+ จะโดดเด่นด้วยหลังคาพาโนรามิกที่สามารถเปลี่ยนจากโปร่งแสงเป็นทึบแสงได้เพียงกดปุ่ม นอกจากนี้ยังมีจอแสดงผลบนกระจกหน้า (Head-up Display) ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารแบบเปลี่ยนสีได้ ประตูท้ายไฟฟ้าพร้อมระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว และระบบเสียง Bose พร้อมลำโพง 10 ตัว มาพร้อมฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่ครบครันในทุกรุ่นย่อย
📢Nissan Leaf ปี 2026 ในตลาดสหรัฐอเมริกามีกำหนดส่งมอบในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 และมีแผนเปิดตัวในญี่ปุ่น ยุโรป และออสเตรเลียอีกด้วย
2026 Nissan Leaf S+
2026 Nissan Leaf Platinum+
ที่มา: www.carscoops.com