Honda Pilot รุ่นปรับโฉมปี 2026 รถยนต์ SUV แบบ 3 แถว รุ่นเรือธงของ Honda มาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่ ฟีเจอร์มาตรฐานที่มากขึ้น และราคาที่สูงขึ้น
สำหรับตลาดในสหรัฐอเมริกา คงไม่น่าแปลกใจมากนักถ้าลูกค้าที่ชื่นชอบรถในสไตล์ SUV นี้กับการปรับโฉมใหม่ของ Honda Pilot รุ่นปี 2026 ที่จะมีราคาเริ่มต้นสูงขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าส่วนประกอบอื่นๆ ยังคงคล้ายเดิมก็ตาม อย่างเช่น แพลตฟอร์มโดยรวม เครื่องยนต์ และระบบขับเคลื่อน ทั้งหมดนี้ไม่น่าจะทำให้ราคาปรับสูงขึ้น แต่ๆ Honda กลับปรับกลยุทธ์ต่างออกไป ด้วยคุณสมบัติใหม่ๆ เพื่อยกระดับรถ SUV แบบ 3 แถวของค่าย ทำให้ Honda Pilot รุ่นปี 2026 จะเริ่มต้นปีใหม่ด้วยราคาขายปลีกที่สูงกว่ารุ่นปี 2025 ถึง 2,040 ดอลลาร์ หรือปรับขึ้นประมาณราวๆ 6.3 หมื่นบาท นั่นเอง
![]()
![]()
![]()
การเพิ่มราคา 2,040 ดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือราวๆ 6.3 หมื่นบาท) ทำให้กับ Honda Pilot Sport FWD รุ่นปี 2026 นั้นไม่ได้ไปต่อโดยไม่มีเหตุผล การออกแบบดีไซน์ด้านหน้าใหม่ของ Honda Pilot ในทุกรุ่น ยังมีสีภายนอกใหม่ให้เลือก 2 สี ได้แก่ (สีเงิน Solar Silver Metallic และสีน้ำเงิน Smoke Blue Pearl) มีราวหลังคาแบบมาตรฐาน ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้า และหน้าจอแสดงผลดิจิทัลใหม่สองจอสำหรับมาตรวัดและระบบความบันเทิง Honda ยังกล่าวอีกว่าได้แก้ไขปัญหาเสียงรบกวนในห้องโดยสารที่มีลูกค้าร้องเรียนมา ได้มีการปรับปรุงโดยลดความถี่หลักลง 2-3 เดซิเบล และปรับปรุงฟิลลิ่งและความแม่นยำของพวงมาลัยให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
![]()
![]()
การปรับปรุงและเพิ่มเติมสิ่งใหม่ๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็มีลูกค้าหลายรายอยากเห็นถึงการปรับปรุงด้านการประหยัดน้ำมันมากกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าคุณต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น แม้แต่การใช้ระบบไฟฟ้าเพียงเล็กน้อยก็คงจะช่วยปรับปรุงอัตราการประหยัดน้ำมันตามมาตรฐาน EPA ที่ 19 ไมล์ต่อแกลลอนในเมือง 27 ไมล์ต่อแกลลอนบนทางหลวง และ 22 ไมล์ต่อแกลลอนโดยเฉลี่ย จากปี 2025 ได้แล้ว และนั่นคือตัวเลขที่ดีที่สุดสำหรับ Pilot Sport FWD รุ่นปี 2026 ส่วน Pilot TrailSport AWD ยังคงมีอัตราการประหยัดน้ำมันอยู่ที่ 18/23/20 ไมล์ต่อแกลลอน เนื่องจากเป็นยางที่เน้นการขับขี่แบบออฟโรด ระบบยกสูง และอุปกรณ์เสริมสำหรับการขับขี่บนเส้นทางออฟโรดเพิ่มเติม แต่อย่างน้อยตอนนี้ลูกค้าก็จะได้เบาะหลังด้านข้างแบบปรับความร้อนได้ ภายในเป็นหนังสีน้ำตาลพร้อมตะเข็บสีส้ม และสีพิเศษที่เรียกว่า Ash Green Metallic หากลูกค้าที่ชอบสี Diffused Sky Metallic ต้องเสียดาย เนื่องจากฮอนด้าได้ยกเลิกสีนั้นสำหรับ Pilot TrailSport ในปี 2026 แล้ว
![]()
นอกจากนี้ Honda ยังได้ตัดรุ่นย่อยออกไปหนึ่งรุ่นสำหรับปี 2026 รุ่น Pilot ท็อปสุดลูกค้าสามารถสั่งซื้อได้ในระบบขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) คือรุ่น EX-L FWD เท่านั้น เนื่องจาก Honda ได้ยกเลิกรุ่น Touring FWD ไปแล้ว ซึ่งคาดว่าอัตราการเลือกซื้อรุ่น FWD ที่สูงกว่ารุ่น EX-L นั้นต่ำเกินไป แต่รุ่น Touring AWD นั้นมาพร้อมระบบกล้องมองรอบทิศทาง 360 องศาเป็นมาตรฐาน รวมถึงตัวเลือกภายในเบาะหนังสีน้ำตาลใหม่ และล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วสี Shark Gray ขัดเงาแบบใหม่
ข่าวดีสำหรับลูกค้าตลาดสหรัฐอเมริกา ที่กำลังมองหารุ่นท็อปก็คือ Honda Pilot Elite และ Black Edition AWD รุ่นปี 2026 มีราคาเพิ่มขึ้นเพียง 460 ดอลลาร์ หรือราวๆ 1.4 หมื่นบาท จากรุ่นปี 2025 และ Pilot Elite AWD รุ่นปี 2026 ยังได้รับล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วสี Shark Gray ขัดเงาใหม่ และเบาะนั่งตกแต่งด้วยวัสดุ Ultra-Suede พร้อมการเย็บแบบลายเพชร ในขณะที่ Black Edition จะได้รับเพียงล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วสี Berlina Black ใหม่เท่านั้น
![]()
![]()
![]()
ถ้าดูจากสเปคแล้ว ฮอนด้าอาจจะชูโรงรถ Pilot รุ่นที่ไม่มีระบบไฮบริดได้ยากสักหน่อย ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 43,690 ดอลลาร์ หรือราวๆ 1.3 ล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ Hyundai Palisade รุ่นปี 2026 มาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฮบริดที่ราคาเริ่มต้นใกล้เคียงกับ Pilot Sport FWD รุ่นปี 2026 ส่วนต่างราคานั้นสูงกว่า Pilot รุ่นพื้นฐานเพียง 2,000 ดอลลาร์เท่านั้น และคุณจะประหยัดค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันได้ถึง 600 ดอลลาร์ต่อปี เมื่อเทียบกับฮอนด้า
เนื่องจาก Hyundai Palisade Hybrid FWD มีอัตราการประหยัดน้ำมันตามมาตรฐาน EPA ที่ 31/32/31 ไมล์ต่อแกลลอน หากทั้ง 2 รุ่นเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหลังเหมือนกัน Hyundai ก็ยังคงประหยัดน้ำมันได้มากกว่าฮอนด้า ด้วยอัตราการประหยัดน้ำมัน 29/30/29 ไมล์ต่อแกลลอน นั่นหมายความว่าคุณจะยังประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 600 ดอลลาร์ต่อปี ในขณะที่จ่ายเพิ่มเพียง 2,000 ดอลลาร์ หรือราว ๆ 6.2 หมื่นบาท สำหรับการซื้อ Palisade SEL Hybrid AWD ที่มีราคาเริ่มต้นที่ 47,760 ดอลลาร์ หรือราวๆ 1.4 ล้านบาท หวังว่าข่าวลือเรื่อง Pilot รุ่นใหม่ที่จะใช้ระบบไฟฟ้าจะเป็นความจริงเสียที
![]()
ที่มา: www.motortrend.com
