หลังจากเปิดตัวทั่วโลกในอินโดนีเซียเมื่อก่อนหน้านี้ไม่นาน Toyota Yaris Cross เวอร์ชั่นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ได้ประกาศราคาและสเปค ที่จะจำหน่ายอย่างเป็นทางการออกมาแล้ว ก่อนเตรียมตัวขายกันในประเทศไทยภายในปี 2023 นี้
โดย Yaris Cross เวอร์ชั่นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะวางจำหน่ายในอินโดนีเซียใน 3 เกรด ได้แก่ 1.5G, 1.5S และ 1.5S Hev โดยโมเดลใหม่นี้ จะมีความแตกต่างจาก Yaris Cross ของญี่ปุ่น/ยุโรปในตำแหน่ง B-Segment SUV โดยจะถูกวางให้อยู่ในระดับที่สูงกว่า Raize โดยมีคู่แข่งหลักคือ Honda HR-V, Hyundai Creta เป็นต้น
Yaris Cross ได้ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม DNGA เดียวกันกับ Veloz และ Vios รวมไปถึง Yaris ATIV ด้วยความยาวตัวถัง 4,310 มิลลิเมตร ซึ่งจะสั้นกว่า HR-V 20 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,620 มิลลิเมตร เท่ากับ Vios แต่จะมีความยาวมากกว่า HR-V 10 มิลลิเมตร ระยะจากพื้น 210 มิลลิเมตร สูงกว่า HR-V เล็กน้อย
รุ่นพื้นฐาน 1.5G มาพร้อมกับล้อขนาด 17 นิ้ว ไฟหน้า LED แผงหน้าปัดดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว หน้าจอควบคุมส่วนกลางแบบลอยตัวขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay & Android Auto แบบไร้สาย เบรกมือแบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบปรับอากาศแบบแมนนวลโซนเดียว ถุงลมนิรภัย 6 จุด และระบบตรวจสอบจุดบอด (BSM)
ในรุ่นกลาง 1.5S ได้รับการอัพเกรดด้วยล้อขนาด 18 นิ้ว ประตูท้ายไฟฟ้า เบาะนั่งปรับไฟฟ้า แป้นเปลี่ยนเกียร์ Shift Paddles โหมดการขับขี่แบบ power modes พร้อมการบันทึกการขับขี่เบาะหนัง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติโซนเดียว หน้าจอควบคุมกลางขนาด 10.1 นิ้ว ติดตั้งกล้องพาโนรามา 360 องศาและระบบช่วยเหลือการขับขี่ TSS รวมถึงเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB ระบบติดตามรถอัตโนมัติ ACC ระบบช่วยรักษาเลน LKAS และอื่นๆ
โดยรุ่น 1.5G และ 1.5S จะใช้งานเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรแบบ naturally aspirated engine รหัส 2NR-VE จับคู่กับเกียร์ CVT ให้กำลัง 104 แรงม้า (hp) 138 นิวตันเมตร
ในขณะที่ตัวท๊อปของรุ่น 1.5 hev จะมาพร้อมกับขุมกำลังเบนซิน-ไฟฟ้า ติดตั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ให้กำลัง 89 แรงม้า (hp) 121 นิวตันเมตร + กับมอเตอร์ขับกำลังไฟฟ้า 79 แรงม้า (hp) 141 นิวตันเมตร ติดตั้งชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน โดยอุปกรณ์บนตัวรถนั้นจะเพิ่มระบบไฟ Ambient Light ซันรูฟแบบพาโนรามาและที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือ Qi แบบไร้สาย และจะลดขนาดถังน้ำมันจากความจุ 42 ลิตร ลงมาอยู่ที่ 36 ลิตร
ในส่วนการทำตลาดในอินโดนีเซียนั้น Toyota Yaris Cross จะมีราคาตั้งแต่ 351 ล้านถึง 440.6 ล้านรูเปียอินโดนีเซีย หรือประมาณ 817,280 – 1,085,908 บาท ส่วนการทำตลาดในประเทศต่างๆในกลุ่มอาเซี่ยนนั้น คาดว่าจะเริ่มต้นด้วยประเทศมาเลเซีย และตามด้วยประเทศไทย โดยในบ้านเราคาดว่าจะมีการเปิดตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และมีแนวโน้มว่าจะเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการก่อนสิ้นปี 2023 นี้
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก keyauto.my
