BYD เปิดตัวรถตู้ MPV M9 โฉมปี 2026 แล้ว ซึ่งในตลาดจีนรู้จักกันในชื่อ “BYD Xia” วางราคาค่าตัวอยู่ระหว่าง 206,800 – 269,800 หยวน (หรือประมาณราวๆ 9.4 แสนบาท –1.2 ล้านบาท) โดยมีโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้าคือนำรถเก่ามาแลกรถใหม่ได้แต่ต้องอยู่ในช่วงเวลาจำกัด จะมีราคาเริ่มต้นที่ 196,800 หยวน (หรือราวๆ 8.9 แสนบาท) เท่านั้น ซึ่งรถตู้รุ่นใหม่นี้จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ได้รับการอัปเกรดแล้ว
ตารางราคาของ BYD Xia (M9) โฉมปี 2026
| รุ่น | CLTC, EV, ระยะทาง | คุณสมบัติหลัก | ราคา (หยวน) | ราคาราวๆ (บาท) |
| วิ่ง 100 กม. | ระยะเริ่มต้น 100 กม. | ระบบครูซอัตโนมัติแบบแปรผัน ประตูเลื่อนไฟฟ้า | 206,800 | 9.4 แสนบาท |
| วิ่ง 100 กม. | ระยะกลาง 100 กม. | God’ Eye C, DiLink 150, ระบบช่วงล่าง DiSus-C | 222,800 | 1.0 ล้านบาท |
| วิ่ง 218 กม. | ระยะกลางขึ้นไป 218 กม. | เบาะนวด, ตู้เย็น, ไฟ Ambient, ระบบรองรับ Lidar | 236,800 | 1.0 ล้านบาท |
| วิ่ง 218 กม. | ระยะสูงสุด 218 กม. | Lidar, HUD ขนาด 26 นิ้ว, ลำโพง 24-28 ตัว, ระบบช่วยนำทางในเมือง | 269,800 | 1.2 ล้านบาท |
MPV M9 โฉมปี 2026
ยังคงเป็นรถตู้ขนาดกลางค่อนใหญ่นั่งได้ 7 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริด DM เจเนอเรชั่นที่ 5 ของ BYD ปัจจุบันมีรถให้เลือกถึง 4 รุ่นย่อย ซึ่งลดลงจากเดิม 5 รุ่นย่อย และจะมี 2 รุ่นย่อย ที่ให้ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนตามมาตรฐาน CLTC อยู่ที่ 100 กิโลเมตร ในขณะที่รุ่นวิ่งระยะไกลเพิ่มขึ้นจาก 180 กิโลเมตร เป็น 218 กิโลเมตร โดยจะใช้แบตเตอรี่ “Blade” ที่มีขนาดใหญ่กว่าเพื่อช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงในโหมดไฮบริดเหลือเพียง 4.9–5.0 ลิตร/100 กม. ลดลงจากเดิมที่ 0.4 ลิตร เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ทำให้ระยะทางวิ่งทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงและวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนจะได้ระยะทางรวมสูงสุดที่ 1,163 กิโลเมตร
การออกแบบภายนอก
รุ่นนี้ยังคงรักษากระจังหน้าขนาดใหญ่แบบ “Dragon-scale” และคานไฟหน้าแบบทะลุผ่าน พร้อมรายละเอียดโครเมียม รุ่นท็อปเพิ่มชุดติดตั้ง Lidar บนหลังคา ด้านข้างประกอบด้วยประตูเลื่อนไฟฟ้าคู่ เซ็นเซอร์ฉายภาพเสริม กุญแจ Bluetooth และ NFC และกระจกบังแดดด้านหลัง
![]()
มิติตัวรถ
ขนาดมิติตัวรถยังคงอยู่ที่ความยาว 5,145 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,970 มิลลิเมตร และความสูง 1,805 มิลลิเมตร โดยมีฐานล้อ 3,045 มิลลิเมตร
![]()
การออกแบบด้านหลัง
ด้านหลังยังคงใช้ดีไซน์ไฟท้ายแบบ “knot” อันเป็นเอกลักษณ์ของ BYD พร้อมไฟส่องสว่างทรงกว้างแบบจัดเต็ม สีภายนอกเป็นสีใหม่ ได้แก่ Ink Bamboo Green, Glazed Purple-Gold และ Moon Shadow Black-Gold พร้อมสีเดิมอีก 4 สี ให้ลูกค้าได้เลือก
![]()
การออกแบบภายในรถของ MPV M9 ปี 2026
- มาพร้อมกับสี Sandalwood Brown-Beige และสี Far Mountain Grey
- พร้อมไฟ Ambient Lighting ถึง 128 เฉดสี
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
- ระบบกรองอากาศ PM2.5 (เป็นอุปกรณ์เสริม)
- จอแสดงผลกลางขนาด 15.6 นิ้ว
- ขับเคลื่อนด้วยระบบ DiLink 150 ซึ่งรองรับการควบคุมด้วยเสียง DeepSeek AI, โหมด Sentinel, คาราโอเกะโดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟน และการเชื่อมต่อโทรศัพท์ข้ามแบรนด์ได้อีกด้วย
- หน้าจอแผงหน้าปัดขนาด 12.3 นิ้ว
- W-HUD ขนาด 26 นิ้ว (ในรุ่นท็อป)
- หน้าจอความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารขนาด 12.3 นิ้ว (อุปกรณ์เสริม) ให้เลือกใช้งาน
ปุ่มฟังก์ชันควบคุมต่างๆ อยู่ใต้หน้าจอสัมผัส และมีแท่นชาร์จไร้สาย 50 วัตต์เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบ DiSound Dolby Atmos พร้อมลำโพง 12 หรือ 24 ตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ โดยมีตัวเลือกลำโพง 28 ตำแหน่งและลำโพงที่ใช้สำหรับกลางแจ้งแบบที่ถอดออกได้
**โดยรุ่นท็อปจะมาพร้อมระบบ God’s Eye B ของ BYD ซึ่งประกอบด้วย lidar ระบบช่วยนำทางในเมือง และระบบจอดรถอัตโนมัติที่ได้รับการปรับปรุงใหม่
**ส่วนรุ่นกลางยังคงใช้ระบบ God’s Eye C ซึ่งรองรับระบบช่วยขับขี่บนทางหลวง เป็นต้น
![]()
![]()
![]()
ภายในห้องโดยสาร
ห้องโดยสารออกแบบเป็น 2+2+3 ที่นั่งด้านหน้าทั้ง 2 ข้างมีระบบทำความร้อน ระบบระบายอากาศ ระบบบันทึกข้อมูล และนวด เบาะนั่งกัปตันแถวที่ 2 มีที่วางขา โต๊ะพับ ระบบระบายอากาศ และระบบเสียงในพนักพิงศีรษะ เบาะแถวที่ 3 สามารถพับเก็บด้วยไฟฟ้าและปรับเอนได้ตามองศาของพนักพิง ความจุสัมภาระอยู่ที่ 470 ลิตร และสามารถเพิ่มเป็น 2,036 ลิตร ได้เมื่อพับเบาะลง
**รุ่นที่ท็อปขึ้นยังมีตู้เย็นควบคุมอุณหภูมิ ซันรูฟแบบพาโนรามาสองส่วน หน้าจอความบันเทิงด้านหลังขนาด 15.6 นิ้ว และช่องระบายอากาศแบบมัลติโซน
![]()
![]()
![]()
ระบบขับเคลื่อน
ใช้ระบบปลั๊กอินไฮบริด 1.5T ให้กำลังสูงสุด 115 กิโลวัตต์จากเครื่องยนต์ และ 200 กิโลวัตต์จากมอเตอร์ไฟฟ้า เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 km/h ได้ภายใน 8.1 – 8.5 วินาที รุ่นนี้ใช้ระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C ของ BYD ซึ่งผสานการสแกนถนนแบบคาดการณ์ล่วงหน้า เพื่อลดการเคลื่อนไหวของร่างกายและเพิ่มเสถียรภาพ ระบบนี้ยังมาพร้อมอัลกอริทึม “ป้องกันอาการเมารถ” ทุกรุ่นมาพร้อมกับระบบควบคุมการแตกของยาง TBC และความสามารถในการส่งกำลังจากภายนอก VTOL
![]()
ในตลาดรถยนต์ MPV รุ่นปลั๊กอินไฮบริด ราคา 200,000 – 300,000 หยวน (หรือราวๆ 9.1 แสนบาท –1.3 ล้านบาท) ของจีน BYD M9 คันนี้มีคู่แข่ง คือ
- Buick GL8 Land Business Edition PHEV ที่มีราคาค่าตัวระหว่าง (249,900–289,900 หยวน หรือราว ๆ 1.1 –1.3 ล้านบาท)
- Maxus MIFA 9 PHEV (ราคาที่ 259,900–349,900 หยวน หรือราวๆ 1.1–1.5 ล้านบาท)
**เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเหล่านี้ MPV M9 ปี 2026 มีระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าที่ไกลกว่า อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงไฮบริดที่ต่ำกว่า และตัวเลือกระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ล้ำสมัยกว่า ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา BYD ขาย MPV M9 ได้ 1,467 คัน ซึ่งจัดอยู่ในอันดับที่ 15 ในบรรดารถยนต์ MPV ขนาดใหญ่ในจีน
![]()
![]()
ที่มา: carnewschina.com
