MG5 2026 ได้เข้าสู่ตลาดอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่ประเทศจีนโดยมีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นย่อยด้วยกัน วางราคาค่าตัวอยู่ที่ 59,900 – 69,900 หยวน หรือประมาณราว ๆ (2.7- 3.1 แสนบาท) ซึ่งรุ่นนี้เป็นรุ่นปรับโฉมใหม่ โดยในรุ่นใหม่นี้เน้นในเรื่องการอัปเกรดฟังก์ชันการใช้งานเป็นหลักอย่างครบครัน
MG5 โฉมปี 2026 ยังคงมีการออกแบบเหมือนรุ่นก่อนหน้าที่มีสไตล์เป็นรถยนต์ทรงฟาสต์แบ็ค และมีการเพิ่มสีภายนอกใหม่ ได้แก่ สีส้ม, สีเทา, สีแดง, สีขาว
กระจังหน้าทรงน้ำตกแบบหลายเหลี่ยมขนาดใหญ่และไฟหน้าเรียวบางโดดเด่น ผสมผสานกับฝาครอบเครื่องยนต์ที่ตกแต่งด้วยซี่โครง
ท่อไอเสียเป็นแบบหางเป็ดดีไซน์ให้เข้ากันอยู่ที่ด้านหลัง พร้อมด้วยท่อไอเสียคู่ที่ด้านล่าง ซึ่งทำให้รถดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น
MG5 ปี 2026 ที่ถูกวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ให้เป็นรถเก๋งขนาดกะทัดรัด มีมิติรถอยู่ที่ความยาว ความกว้าง และความสูงเหมือนรุ่นก่อนเดิมที่ 4,715/1,842/1,473 มิลลิเมตร และระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,680 มิลลิเมตร
ตัวรถมีความแข็งแรงทนทานต่อแรงบิดถึง 25,866 นิวตันเมตร/องศา และ 65% ของตัวรถเป็นเหล็กกล้าแรงสูง นอกจากนี้ยังมีถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่งทั่วทั้งห้องโดยสารอีกด้วย
ระบบส่งกำลังยังคงใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร
– เครื่องยนต์เบนซิน 1.5L: ให้พละกำลัง (127 แรงม้า)/แรงบิด 158 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ CVT 8 สปีด อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยรวมตามมาตรฐาน WLTC อยู่ที่ 6.38 ลิตรต่อ 100 กม. ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 180 กม./ชม.
– เครื่องยนต์เบนซิน 1.5T: ให้พละกำลัง (178 แรงม้า)/แรงบิด 285 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ DCT 7 สปีด อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยรวมตามมาตรฐาน WLTC อยู่ที่ 6.45 ลิตรต่อ 100 กม. ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. อัตราเร่ง 0 ถึง 100 กม./ชม. ภายในเวลา 6.9 วินาที มีความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐานอยู่ที่ 50 ลิตร
ภายในห้องโดยสารมีการผสมผสานสีใหม่เป็นสีส้ม/ดำ ในขณะที่เค้าโครงแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้าเลย รวมถึงพวงมาลัยแบบฐานแบน 3 ก้าน แผงหน้าปัดขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอควบคุมส่วนกลางแบบลอยขนาด 12.3 นิ้ว (หรือ 10.25 นิ้ว สำหรับในรุ่นเริ่มต้น)
ปุ่มฟังก์ชันการใช้งานอยู่ที่ใต้หน้าจอควบคุมส่วนกลาง
เบาะนั่งมีการผสมผสานระหว่างหนังและผ้า นอกจากนี้ ระบบเสียงในรุ่นท็อปมีการอัปเกรดเป็นลำโพงเสียงคุณภาพสูง 8 ตำแหน่ง และไฟส่องสว่างรอบห้องโดยสารจำนวน 256 เฉดสีที่เพิ่มเข้ามาใหม่สามารถเปลี่ยนสีและปรับความสว่างได้โดยอัตโนมัติตามจังหวะเพลงและสภาพแสงภายนอก
มีการกำหนดค่าฟังก์ชันอื่นๆ ได้แก่ การอัปเดต OTA ผู้ช่วยเสียง AI และระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงระดับ 2 ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจในราคาจับต้องได้ ที่อัดแน่นด้วยฟังก์ชันการใช้งานอย่างครบครัน
ที่มา: carnewschina.com