ประกาศอย่างเป็นทางการ กับการอัพเดท Mercedes-Benz GLE 2024 รุ่นใหม่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอก และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยเพิ่มรุ่นปลั้กอินไฮบริด (PHEV) เข้าสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ SUV หรูขนาดกลางเป็นครั้งแรก
Mercedes-Benz GLE 2024 ได้รับการปรับปรุงในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก ด้วยการปรับปรุงกระจังหน้าใหม่ ด้วยการเสริมโครเมียมแนวนอนใหม่ 2 ชิ้น พร้อมด้วยการเน้นโครเมียมแนวนอนใหม่ที่ช่องดักอากาศด้านข้าง ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันได้รับการปรับแต่งใหม่ โดยมีจุดบรรจบกันสองจุดในแต่ละดวง และไฟท้ายยังได้รับการออกแบบใหม่เป็นสองบล็อกแนวนอน ที่ปัดกระจกหลังได้รับการเปลี่ยนแปลง ล้ออัลลอยใหม่ 2 ล้อขนาด 19 และ 20 นิ้ว เป็นตัวเลือกและมีเฉดสีใหม่ 2 เฉดสี ได้แก่ Twilight Blue Metallic และ Manufaktur Alpine Grey
ในขณะที่รุ่นประสิทธิภาพอย่าง AMG Line นั้นจะเสริมด้วยอุปกรณ์มาตรฐานจาก 580 4Matic มาพร้อมกระจังหน้าแบบเพชร คลิปด้านหน้าออกแบบโดย AMG กาบข้าง AMG ซุ้มล้อสีเดียวกับตัว5y’และดิฟฟิวเซอร์ AMG ด้านหลัง AMG Line ยังมาพร้อมกับการออกแบบล้อขนาด 21 นิ้ว
ภายใน GLE ปี 2024 จำลองรายละเอียดบางอย่างจากรุ่น GLS และ S-Class ด้วยพวงมาลัยแบบใหม่ที่มีซี่ล้อแนวนอนแบบใหม่พร้อมเซนเซอร์แบบสัมผัส ซึ่งควบคุมทั้งส่วนคนขับและจอแสดงผลส่วนกลาง ระบบปฎิบัติการ MBUX เจนเนอเรชั่นที่สองของ Mercedes ระบบอินเทอร์เฟซพร้อมการอัพเดทแบบ Over The Air ช่องระบายอากาศได้รับการเคลือบโครเมียมแบบเดียวกับในรุ่น GLS นอกจากนี้ GLE ยังได้รับการตั้งค่าไฟภายในรถที่กำหนดค่าได้คล้ายกับที่พบใน S-Class
GLE ยังปรับปรุงความสามารถในการลากจูงด้วยระบบ Trailer Route Planner โดยจะช่วยเลือกเส้นทางที่เหมาะสมกับน้ำหนักในการลากจูง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการขับขี่ที่เหมาะสมกับระยะทางและน้ำหนัก อีกทั้งยังช่วยคำนวนความเป็นไปได้ในเส้นทางที่เรากำหนดเอง รวมไปถึงช่วยคำนวนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจากการลากบนเส้นทางนั้นๆ ได้ เช่นเดียวกับการปรับปรุงการหลบหลีกของรถพ่วง และระบบช่วยบังคับเลี้ยวของรถพ่วงให้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิม
นอกเหนือจากการตัดแต่ง GLE ไฮบริดขนาด 48V แล้ว ตัวรถ GLE รุ่นปี 2024 ยังมีการเพิ่มรุ่น 400e 4Matic ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ไฮบริด PHEV กำลัง 38 แรงม้า (HP) 479 Ib-Ft โดยทางผู้ผลิตยังไม่มีการบอกถึงระยะทางในการวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว แต่เปิดเผยว่าตัวรถจะมาพร้อมกับเครื่องชาร์จ AC ขนาด 11 kW และเครื่องชาร์จ DC ขนาด 60 kW เป็นตัวเลือก
ในรุ่น ANG จะมีตัวเลือกAMG GLE 53 และ 63 S โดยทั้งสองรุ่นได้รับการอัพเดทระบบไฟ LED DRLs ที่ออกแบบใหม่ช่องรับอากาศด้านข้างที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องบินไอพ่นและการปรับแต่งอีกเล็กน้อยที่ทำให้ AMG 53 ดูใกล้เคียงกับรุ่น GLE 63 S ตัวท๊อป
GLE 63 S ตัวท๊อปจะมาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานพร้อมแพ็คเกจ Air Balance, เบาะนั่งคู่หน้าแบบหลายส่วน, โปรเจ็กเตอร์โลโก้ AMG, ระบบสั่งงานด้วยเสียงภายในห้องโดยสาร และ Head-Up Display มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ V-8 4.0 ลิตร 603 แรงม้า (HP) ระบบควบคุมเฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิปและระบบควบคุมช่วงล่างแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้รับการปรับแต่งอย่างละเอียด
สุดท้ายยังไม่มีการเปิดเผยราคาจำหน่ายในแต่ล่ะรุ่น แต่ทางผู้ผลิตได้กล่าวเสริมว่า Mercedes-Benz GLE ทั้งรุ่นมาตรฐานและรุ่น AMG Line จะเริ่มต้นการผลิตอย่างเป็นทางการในช่วงสิ้นปีนี้ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่ทางผู้ผลิตจะเปิดเผยราคาและการเปิดจองล่วงหน้าในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 นี้
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motortrend.com