เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม MG ประกาศว่ารถยนต์แฮทช์แบ็กไฟฟ้า MG4 Anxin Edition รุ่นใหม่ล่าสุด รถยนต์ส่วนบุคคล 5 ประตู นั่งได้ 5 ที่นั่ง จะผลิตเป็นจำนวนมากเป็นครั้งแรกของโลก จะมาพร้อมการติดตั้งแบตเตอรี่แบบโซลิดสเตทชนิดเหลว ได้เริ่มส่งมอบอย่างเป็นทางการในประเทศจีนแล้ว รถยนต์รุ่นใหม่นี้มีระยะการวิ่งตามมาตรฐาน CLTC วิ่งได้ระยะทางสูงสุดอยู่ที่ 530 กิโลเมตร และรองรับการชาร์จเร็ว 2C
![]()
MG4 รุ่นใหม่ล่าสุด
MG4 รุ่นใหม่ล่าสุด เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่งานแสดงรถยนต์เฉิงตูในเดือนสิงหาคมปีนี้ โดยมีให้เลือก 5 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้นที่ 68,800 หยวน (หรือประมาณราว ๆ 3.0 แสนบาท) รุ่น Anxin Edition เป็นรุ่นท็อป มีราคาอยู่ที่ 102,800 หยวน (หรือราว ๆ 4.5 แสนบาท)
ระบบขับเคลื่อนที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าและแบตเตอรี่แบบโซลิดสเตทชนิดของเหลว
พลังงานมาจากมอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวรด้านหน้าที่มีกำลังสูงสุด 120 กิโลวัตต์ (161 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร จับคู่กับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบเหลว-ของแข็งชนิดแมงกานีสขนาด 53.95 kWh ซึ่งมีปริมาณอิเล็กโทรไลต์เหลวน้อยกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมทั่วไป 5%
ระยะทางการวิ่งตามมาตรฐาน CLTC ของรถรุ่นนี้อยู่ที่ 530 กิโลเมตร อัตราการใช้พลังงานอยู่ที่ 11.9 kWh ต่อ 100 กม. และใช้เวลา 21 นาทีในการชาร์จแบตเตอรี่จาก 30% ถึง 80% ด้วยระบบชาร์จเร็ว 2C นอกจากนี้ ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 160 กม./ชม. และอัตราเร่งจาก 0 ถึง 50 กม./ชม. ในเวลา 3 วินาที
มิติตัวรถ MG4 โฉมใหม่
มีขนาด 4395/1842/1551 มิลลิเมตร (ยาว/กว้าง/สูง) โดยมีระยะฐานล้อ 2750 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวรถอยู่ที่ 1,500 กิโลกรัม และความแข็งแกร่งของตัวถังอยู่ที่ 31000 Nm/deg เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ อีก 4 รุ่นที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมเหล็กฟอสเฟตแบบเดิม ซึ่งมีน้ำหนักตัวรถอยู่ที่ 1,415 กิโลกรัม และ 1,485 กิโลกรัม
![]()
MG4 รุ่นใหม่ล่าสุด ในสีน้ำเงินและสีแดง
มีสีภายนอกให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีม่วง สีเขียว สีขาว สีแดง สีเทา และสีน้ำเงิน
ภายในห้องโดยสาร
มาพร้อมหน้าจอควบคุมส่วนกลางขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด 2.5K ขับเคลื่อนด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8155 แผงหน้าปัด LCD อยู่ด้านหลังพวงมาลัยแบบสองก้านทรงแบน และคอนโซลกลางแบบสองชั้น
การจัดวางห้องนักบินที่โดดเด่นด้วยหน้าจอควบคุมส่วนกลางแบบลอยตัว
ปริมาตรพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถมาตรฐานอยู่ที่ 471 ลิตร และสามารถขยายได้ถึง 1,362 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลง
รถคันนี้มีกล้อง 5 ตัวและเรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัวติดตั้งอยู่ทั่วทั้งคัน
นอกจากนี้ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงบนรถยังได้รับการสนับสนุนจากกล้อง 5 ตัวและเรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว โดยทำงานบนชิป Horizon Robotics Journey J6e ที่มีกำลังประมวลผล 80 TOPS เพื่อให้สามารถใช้งานระบบช่วยเตือนการขับขี่บนทางหลวง (NOA) และระบบช่วยจอดรถอีกด้วย
ที่มา: carnewschina.com
