การปรับราคาของยานยนต์รุ่นใหม่สำหรับปี 2023 ส่วนใหญ่แล้วผู้ผลิตมักจะปรับราคาเพิ่มขึ้นจากเดิม หลังจากการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่ Nissan ทำกับโมเดลซีดานยอดนิยมอย่าง Altima ที่ล่าสุดมีการประกาศปรับราคาขึ้นจากเดิมเพียงเล็กน้อย แต่เสริมความคุ้มค่าด้วยอุปกรณ์และการตกแต่งใหม่ที่ดูทันสมัยกว่าเดิม
[adsforwp id=”1302″]
สำหรับ 2023 Nissan Altima แล้ว ตัวรถจะมาพร้อมกับอุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐาน Safety Shield 360 ของ Nissan ที่มาพร้อมกับระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมการตรวจจับคนเดินถนนการเตือนการออกจากเลน การเตือนจุดบอด การแจ้งเตือนการจราจรทางด้านหลัง ระบบช่วยไฟสูงอัตโนมัติ และการเบรกอัตโนมัติในขณะถอยด้วยความเร็วผิดปกติ
ตัวรถจะมาพร้อมกับชุดไฟ LED ด้านหน้า กระจังหน้า V-Motion ที่เป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ Nissan ตัวเลือกสีสำหรับห้องโดยสารอีก 2 สี ตัวรถจะเริ่มต้นที่เกรด S ที่มาพร้อมกับขุมกำลังขนาด 2.5 ลิตแบบ 4 ลูกสูบเรียง ที่มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 28 mpg (ไมล์ต่อแกลลอน) ในเมือง 39 mpg บนทางหลวง และ 32 mpg แบบรวม ขยับมาที่เกรด SL ที่จะใช้เครื่องยนต์พื้นฐานเหมือนกัน แต่จะลดทอนอัตราสิ้นเปลืองมาอยู่ที่ 27/37/31 mpg
ในขณะที่เกรดที่สูงขึ้นอย่าง SR จะมาพร้อมกับขุมกำลัง VC-Turbo 2.0 ลิตร โดยจะมีเฉพาะรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าเท่านั้น โดยรุ่น SR จะมาพร้อมกับกำลังสูงสุด 248 แรงม้า 273 Ib-Ft โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 25/35/29 mpg ส่วนเกรดสูงสุดจะเป็นเกรด SV ที่มาพร้อมกับขุมกำลังชุดเดียวกับเกรด SR แต่จะมีตัวเลือกระบบขับเคลื่อนแบบ AWD เสริมเข้ามา
[adsforwp id=”1302″]
ในส่วนของห้องโดยสาร นอกเหนือจากตัวเลือกสีสันของเบาะนั่งและบุผนังในห้องโดยสารที่จะมีให้เลือก 2 สีแล้ว ในเกรด SV และ SR จะมีตัวเลือกหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อ Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย พร้อมด้วยระบบนำทาง อุปกรณ์เสริมอื่นๆ ประกอบด้วยแท่นชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย ฟังก์ชัน Wi-Fi hotspot ในขณะที่เกรด SL และ SR VC-Turbo จะได้รับอุปกรณ์ทั้งหมดนี้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และเสริมด้วยระบบ ProPilot Assist ที่มาพร้อมกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ พร้อมระบบ Stop&Go เพิ่มเติมในอุปกรณ์มาตรฐาน
ในส่วนของราคานั้น 2023 Nissan Altima จะเริ่มต้นที่เกรด S จำหน่ายในราคา 26,385 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 998,171 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรุ่นปี 2022 เพียง 815 ดอลล่าร์ (ราวๆ 30,832 บาท) โดยราคานี้ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมเบื้องต้นที่ต้องจ่ายเพิ่มตอนรับรถอีก 1,095 ดอลล่าร์ (41,433 บาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 70 ดอลล่าร์ (2,649 บาท) ในขณะที่ราคาสูงสุด จะเป็นเกรด SR VC-Turbo รุ่นขับหน้า ที่จำหน่ายในราคา 36,085 ดอลล่าร์ หรือราวๆ 1.365 ล้านบาทด้วยกัน
Credit : www.motortrend.com
[adsforwp id=”1302″]
