GWM เปิดตัว Tank 400 รุ่นปรับโฉมใหม่ในตลาดจีนอย่างเป็นทางการแล้ว โดยการอัพเกรดในครั้งนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนทั้งภายนอกและภายในแบบจัดเต็ม ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะอีกด้วย ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาความเป็นสถาปัตยกรรมแบบ Ladder-Frame ได้อย่างลงตัวและมีระบบส่งกำลังให้ลูกค้าได้เลือกหลายแบบด้วยกัน
ตารางรุ่นเครื่องยนต์พร้อมราคาของ Tank 400
| รุ่น | เครื่องยนต์ | ราคา (หยวน) | ประมาณราวๆ (บาท) |
| Base model | เบนซิน 2.0T + ไฮบริดอ่อน 48V | 249,800 | 1.1 ล้านบาท |
| Base model | ดีเซล 2.4T | 264,800 | 1.2 ล้านบาท |
| Hi4-T Standard | 2.0T + PHEV มอเตอร์เดี่ยว | 285,800 | 1.3 ล้านบาท |
| Hi4-T Intelligent | 2.0T + PHEV มอเตอร์เดี่ยว พร้อมฟีเจอร์เสริม | 299,800 | 1.3 ล้านบาท |
| Hi4-Z Intelligent | 2.0T + PHEV มอเตอร์คู่ | 319,800 | 1.4 ล้านบาท |
![]()
มิติตัวรถของ Tank 400 รุ่นปรับปรุงใหม่
Tank 400 รุ่นปรับปรุงใหม่ยังคงรักษาดีไซน์เอกลักษณ์ของตัวรถแนวออฟโรด (Off-Road SUV) เอาไว้ โดยมีความยาวด้านข้าง 4,964 มิลลิเมตร กว้าง 1,970 มิลลิเมตร สูง 1,905 มิลลิเมตร และฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ความยาวจะสั้นลง 21 มิลลิเมตร แต่กว้างขึ้น 10 มิลลิเมตร และสูงขึ้น 5 มิลลิเมตร
![]()
การออกแบบ
ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกันชนดีไซน์ใหม่พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งสีดำรอบไฟตัดหมอก กระจังหน้าขนาดใหญ่ขึ้นพร้อมแถบโครเมียมแนวนอน 2 แถบ และไฟหน้าออกแบบเป็นรูปทรงหลายเหลี่ยม รายละเอียดด้านข้างประกอบด้วยการตกแต่งหมุดย้ำแบบเปลือยบนซุ้มล้อ และมีบันไดข้างเฉพาะรุ่น (รุ่น Hi4-T Smart เป็นแบบไฟฟ้า และรุ่น Hi4-Z Smart เป็นแบบติดตั้งถาวร) ส่วนด้านหลังยังคงติดตั้งล้ออะไหล่ไว้ที่ประตูท้าย พร้อมดีไซน์ฝาครอบใหม่และตราสัญลักษณ์ที่ปรับปรุงใหม่ TANK 400 จะมีการติดสัญลักษณ์เพื่อบ่งบอกระบบส่งกำลังของรถ
![]()
การออกแบบภายใน
ภายใน จะมีหน้าจอสัมผัสหลักตรงกลางมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด 2.5K ลดลงจากขนาด 16.2 นิ้วเดิม ที่มีการปรับปรุงความคมชัดและซอฟต์แวร์ (ระบบปฏิบัติการ Coffee OS เจเนอเรชั่นที่ 3 ของ GWM และระบบสั่งการด้วยเสียง Coffee GPT) แผงหน้าปัดเป็นแบบ Full LCD ขนาด 12.3 นิ้ว มาพร้อมจอแสดงผลแบบ Heads-up Display ก้านเกียร์แบบก้านโยกถูกเปลี่ยนเป็นคันเกียร์แบบหมุน
รุ่นท็อปจะเป็นเบาะหนัง Nappa แบบเจาะรูพร้อมระบบทำความร้อนและระบายอากาศด้านหน้า และระบบนวดผ่อนคลายผู้ขับขี่ 3 ระดับ 8 จุด ห้องโดยสารด้านหลังมาพร้อมหน้าจอความบันเทิงขนาด 15.6 นิ้ว และมีตู้เย็นในตัวขนาดความจุถึง 5.4 ลิตร (ปรับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -6 ถึง +50 องศาเซลเซียส) มีม่านบังแดดด้านหลังแบบปรับด้วยมือได้ และระบบเสียง 14 ตำแหน่ง
![]()
![]()
สิ่งที่ควรรู้
ไลน์ผลิตภัณฑ์ของ Tank 400 ใหม่ จะมาพร้อมระบบส่งกำลังที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการในการขับขี่ที่แตกต่างกัน ประกอบด้วย
- รุ่นเบนซินขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2.0 T จับคู่กับระบบไฮบริดอ่อน 48V ให้พละกำลังสูงสุด 185 กิโลวัตต์ ( 248 แรงม้า) แรงบิด 385 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด
- รุ่นดีเซลใช้เครื่องยนต์ 2.4 T ให้กำลัง 137 กิโลวัตต์ ( 184 แรงม้า ) แรงบิด 490 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด
- รุ่นปลั๊กอินไฮบริด Tank 400 Hi4-T มีการผสานเครื่องยนต์ 2.0 T ให้กำลัง 185 กิโลวัตต์ ( 248 แรงม้า) เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า 130 กิโลวัตต์ (174 แรงม้า) และแบตเตอรี่ 37.1 kWh ให้ระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนตามมาตรฐาน WLTC วิ่งได้ประมาณ 105 กิโลเมตร และรองรับการชาร์จเร็วสูงสุด 103 กิโลวัตต์
- รุ่น Tank 400 Hi4‑Z จับคู่เครื่องยนต์ 2.0 T เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ให้กำลัง 215 กิโลวัตต์ (288 แรงม้า) และ 240 กิโลวัตต์ (321 แรงม้า) รองรับด้วยแบตเตอรี่ 59.05 kWh ซึ่งทำให้สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนตามมาตรฐาน WLTC วิ่งได้ประมาณ 200 กม. และชาร์จเร็วได้สูงถึง 163 กิโลวัตต์
- รุ่น Tank 400 Smart ยังมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ Coffee Pilot Ultra ซึ่งผสานรวม Lidar บนหลังคา Hesai ATX และกล้องมองข้างภายนอกหลายตัว ช่วยให้สามารถใช้งานฟังก์ชันนำทางอัตโนมัติ (NOA) ทั้งในเมืองและบนทางหลวง รวมถึงระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติหลายประเภท
ในกลุ่มรถ SUV ออฟโรดสุดโหดของตลาดจีน Tank 400 มีคู่แข่งหลายรุ่น ได้แก่ Beijing BJ60 และ Fangchengbao Baobao 5 โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 239,800 หยวน (หรือประมาณราวๆ 1.0 ล้านบาท) แบรนด์ Tank มียอดขายมากกว่า 10,000 คัน ต่อเดือนอย่างต่อเนื่อง เมื่อเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา Tank 400 มียอดขายไปแล้วประมาณ 2,446 คันต่อเดือนเลยทีเดียว![]()
ที่มา: carnewschina.com
